“ดร.อานนท์” อาราธนา “เจ้าคุณพิพิธ” ถอดจีวรสีขมิ้น แล้วครองจีวรสีส้มแทน และขอเชิญไปปักกลดร่วมอดอาหารหน้าคุก หลังโพสต์ ห่วง! ถ้าเด็กตายเพียงหนึ่งคน ประชาชนจะลุกฮือ “โบว์” ชี้ กระทบหลายเรื่อง หาก “ตะวัน” เสียชีวิต
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(29 ก.พ.67) เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“ขออาราธนาเจ้าคุณถอดจีวรสีขมิ้น แล้วครองจีวรสีส้มแทน
หลังจากนั้นขอเชิญไปปักกลดร่วมอดอาหารหน้าคุกกับแฟรงก์และตะวัน จนกว่าทั้งสองคนจะได้รับการปล่อยตัว
โทษจำคุกของคดีอาญามาตรา 116 คือ 7 ปี ฝากขังได้ 4 ผลัด ผลัดละ 12 วัน รวมเป็น 48 วัน พนักงานสอบสวนต้องรีบทำสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องครับ ใช้เวลาไม่นานนักเพราะมีประมวลวิธีพิจารณาความอาญากำกับไว้อยู่
เจ้าคุณพิพิธจะสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเยาวชนย่อมเป็นเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ โลกวัชชะใช่หรือไม่ สังคมก็สามารถถามและวิจารณ์ได้”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 เพจเฟซบุ๊ก Jaokhunphiphit-พระเทพปฏิภาณวาที ของ พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวราราม เจ้าคณะเขตดุสิต ผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง และนักเทศน์ชื่อดัง โพสต์ภาพที่มีบทกลอนเรื่อง "เป็นห่วง!" มีเนื้อหาดังนี้
ถ้าเด็กตายเพียงหนึ่งคน ประชาชนจะลุกฮือ
ข่าวฉาวจะเล่าลือ ทั่วโลกาจะฉ่าฉาว
น้ำผึ้งเพียงหนึ่งหยด เป็นน้ำกรดกัดกร่อนยาว
ประเทศจะร้อนผ่าว ราวกับไฟเผาไหม้เมือง
ความโกรธความเกรี้ยวกราด พยาบาทกระตุ้นกระเตื้อง
จะเป็นที่ระคายเคือง ยุคลบาทของชาติไทย
อภัยโทษอภัยทาน คือหลักการที่แก้ไข
ลูกไทยทั้งเทศไทย จะสดใสในฉับพลัน
พระเทพปฏิภาณวาที
“เจ้าคุณพิพิธ” (จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ระบุว่า
“ตะวันและแฟรงค์ ถูกฝากขังในชั้นสอบสวน ทั้งที่อิสรภาพของผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน จากคดีขบวนเสด็จ ที่ทั้งสองคนแสดงความไม่พอใจกับการจัดการจราจรระหว่างขบวนเคลื่อนผ่าน ด้วยการส่งเสียงดังโวยวายตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบีบแตรยาว
ผิดแน่นอน แต่โทษที่ได้ส่วนแก่เหตุคือเท่าใด?
ทั้งสองประท้วงการถูกฝากขังในชั้นสอบสวนด้วยการอดอาหาร หากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นระหว่างฝากขัง …
สื่อทั่วโลกจะรายงานเรื่องนี้อย่างไร?
บรรยากาศความขัดแย้งจะเป็นไปในทิศทางไหน?
จะมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสถาบัน? จะมีผลอย่างไรต่อกระบวนการยุติธรรม?
การฝากขังครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ให้ฝากขังระหว่างสอบสวนได้เมื่ออิสรภาพของผู้ต้องหาเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน
รัฐธรรมนูญระบุให้บุคคลถูกถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ราคาของการพร้อมใจกันละเมิดหลักนิติธรรมครั้งนี้อาจสูงเกินไป.”