อดีต ส.ส.ปชป. ไม่แปลกใจ “เศรษฐา” พบ “ทักษิณ” แต่เร็วเกินคาด สังคมไม่เชื่อไม่พูดเรื่องการเมือง ชี้ บริวารแห่อวยว่าเป็นนิมิตดี หอมกลิ่นความเจริญ แต่ ปชช.กลับได้กลิ่นเหม็นฉุน “ระบอบทักษิณคืนชีพ” โชยมา
วันนี้ (25 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย เพียงแต่เร็วกว่าที่คิดเท่านั้น ซึ่งในระหว่างที่นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ มีคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลเลือกปฏิบัติ ซึ่งนายเศรษฐาปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พยายามโบ้ยความรับผิดชอบไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ทำตัวอยู่เหนือปัญหา แต่เมื่อ นายทักษิณ ได้พักโทษกลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐา ก็ชิงเข้าพบก่อนใครๆ
นายเทพไท กล่าวว่า การเข้าพบของนายเศรษฐา จะเป็นในฐานะใดก็ตาม แต่เป็นที่รับรู้กันว่า นายเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ก็เพราะได้รับความเห็นชอบจากนายทักษิณ จึงจำเป็นต้องเข้าพบเสียก่อน ส่วนการออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองนั้น ก็สามารถปฏิเสธได้ แต่สังคมจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะการที่นักการเมืองพบกัน ไม่คุยเรื่องการเมืองเป็นเรื่องผิดปกติ และเป็นไปไม่ได้ มันผิดธรรมชาติ ผิดวิสัยของนักการเมือง
อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า แม้ว่า นายเศรษฐา จะปฎิเสธว่า การเข้าพบนายทักษิณไม่ได้คุยเรื่องการเมืองก็ตาม แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทย หยิบฉวยมาอวยเป็นประเด็นทางการเมืองทันที สร้างกระแสว่าเป็นนิมิตหมายอันดี กลิ่นความเจริญ กลิ่นการพัฒนาหอมเข้ม และขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นความรู้สึกเฉพาะของคนพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นสมุนบริวารของนายทักษิณ แต่ในความรู้สึกของประชาชน กำลังมีกลิ่นเหม็นฉุนของระบอบทักษิณ คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าระบอบทักษิณคืนชีพ ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระบอบทักษิณ คือ 1. การทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน 2. การแทรกแซงองค์กรอิสระ 3. เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นของคนชาติ 4. การจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อย่าลืมว่า เหตุผลทััง 4 ข้อนี้ คือ สาเหตุของการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49” นายเทพไท กล่าว