“ณัฐชา” จี้ถามหลักเกณฑ์พักโทษ “ทักษิณ” ตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ยกประกาศกรมราชทัณฑ์ระบุต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้-ส่งผลต่อชีวิตหากคุมขังต่อ “ทวี” ย้ำ กระบวนการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพักโทษ-การประเมินจากแพทย์แล้ว
วันนี้ (22 ก.พ.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงกรณีการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง ส.ส. ก็ได้ออกมาตอบประเด็นร้อนในกรณีการพักโทษของนายทักษิณ โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพักโทษ คือ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่ได้แสดงถึงความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความเจริญก้าวหน้าทางการศึกษา และให้เกิดผลดีหรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ และกฎกระทรวง ซึ่งต้องทำให้ครบตามประกาศของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องระบุให้ชัดว่าถ้าป่วย ป่วยอย่างไร เข้าเกณฑ์ผู้สูงอายุ ต้องเป็นผู้สูงอายุอย่างไรบ้าง จึงอยากจะถามคำถามแรกว่า 3 องค์ประกอบที่ต้องสอดคล้องกันนั้น อดีตนายกทักษิณ มีคุณสมบัติอย่างไรที่ผ่านเกณฑ์
ด้าน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า กระบวนการเป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวงเรื่องการพักโทษ ซึ่งผ่านการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการพิจารณาพักโทษ ที่มีตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการพิจารณาพักโทษเป็นการทั่วไปเป็นประจำทุกเดือน ส่วนการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ เป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้เสนอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และส่งให้คณะอนุกรรมการพิจารณา และส่งให้ รมว.กระทรวงยุติธรรม พิจารณา ส่วนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอาการป่วยและชราภาพอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป มีการประเมินจากแพทย์พยาบาลแล้วว่าคะแนนสุขภาพต่ำกว่าเกณฑ์
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า จำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำเราสามารถอยู่ได้ประมาณ 170,000 คน ตามมาตรฐานสากล วันนี้เราอยู่ 280,000 คนเศษ ซึ่งสภาพ 100,000 คนนี้ เราใช้การนอนให้บิดตัวได้ อันนี้คือสภาพเรือนจำเราก็มีกฎหมายเรื่องการพักโทษ โดยอยู่ในอำนาจของกฎหมาย ส่วนกรณีเข้าเหตุเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรืออายุ 70 ปี ขึ้นไป ต้องเรียนว่าการเสนอผู้ได้รับการพักโทษของกลุ่มนี้มี 945 คน มีพักโทษกรณีพิเศษในกลุ่มต่างๆ
“กรรมการไม่ใช่เป็นตรายาง มีการวินิจฉัยอย่างน้อย 945 คน ไม่ให้ 15 คน ให้ 930 คน ซึ่งในเหตุผลของแต่ละคน อย่างกรณีท่านทักษิณ กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ดูหลักฐานทางการแพทย์ เราเห็นว่าเข้าเหตุพักโทษ สำนักงานเอกการสูงสุดก็มีคำถามว่าการอยู่โรงพยาบาล ไม่ได้มาเรียนจำเป็น จะถือว่าเป็นประเด็นหรือไม่ การไปรักษาที่โรงพยาบาล เราเขียนว่าเป็นที่ควบคุม โดยใช้คำพูดว่าปกติ จะไม่ให้ไปอยู่ห้องพิเศษ แต่เว้นแต่ทางโรงพยาบาลให้อยู่ในห้องควบคุมพิเศษ ไม่ใช่ห้องรักษาพิเศษนะครับ ห้องควบคุมพิเศษโดยพิจารณา ซึ่งการใช้คำว่าควบคุมก็จะอยู่ในกฎกระทรวง” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
นายณัฐชา ระบุว่า รัฐมนตรีแต่ละคนตอบไปคนละทาง จึงขอให้ชี้แจงในสภาให้ชัดเจน ไม่ให้สังคมเข้าใจผิด แต่ถ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับโรคภัย ได้รับสิทธิผู้สูงอายุ ซึ่งตามกฎระบุไว้ชัดว่าต้อง 70 ปีและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขอให้เอาออกมาเปิด ตอบให้ชัด
ด้าน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงอีกครั้ง ในการพิจารณากฎหมายใช้คำว่า“เจ็บป่วยร้ายแรง” หรือ “พิการ” หรือ “อายุ 70 ปีขึ้นไปที่ช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย“ ซึ่งผู้อายุ 70 ปีขึ้นไปที่จะได้รับการพักโทษ อาจจะไม่แข็งแรง โดยมีเกณฑ์ที่มีมาตรการประเมินของหมอและพยาบาลอย่างน้อย 2 คน ให้ได้คะแนนไม่เกิน 11 คะแนน ซึ่งกรณีของ นายทักษิณ ได้คะแนนต่ำกว่า 11 คะแนน อีกทั้ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ ยังกำหนดว่า ข้อมูลด้านสุขภาพของแต่ละบุคคล จะเปิดเผยให้เสียหายไม่ได้ แต่ไม่ว่ากรณีใดบุคคลจะอาศัยอำนาจของกฎหมายอื่นมาเปิดข้อมูลสุขภาพไม่ได้ ซึ่งคำถามที่ถามมาตนก็ดูทุกอย่าง ก็เห็นว่าชอบด้วยเหตุผล
“คนที่เข้ามาดูละเอียดคือหมอจากกระทรวงสาธารณสุข ผมก็เห็นว่าในกรณีดังกล่าวก็เป็นไปตามกฎหมายระเบียบและหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ มีความชอบธรรมด้วยเหตุผลและชอบธรรมด้วยคุณธรรม” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ทำให้ นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ตนเห็นท่านตอบก็กังวลแทน แต่ ตนเองจะไม่ถามถึงรายละเอียดของโรค แต่ต้องการรู้ว่า ใครคือ “หมอเทวดา” ที่เซ็นรับรอง นักโทษชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ให้หายได้ใน 180 วัน วันต่อมากลับมาอยู่บ้านได้ แล้ววันถัดมาก็รับแขกบ้านแขกเมืองได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรู้อยู่แก่ใจ จึงขอให้ตอบในสภา
ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี ได้ตอบคำถามต่อว่า ในการประเมินเงื่อนไขของการพักโทษ จะต้องมีความเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลอย่างน้อย 2 คน และความเห็นของแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจ และได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และมีใบไม่ยินยอมเปิดเผยอาการป่วยจากผู้ป่วยส่งมาถึงตน ซึ่งคณะแพทย์ที่ให้ความเห็นก็มีความกลาง
ด้าน นายณัฐชา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้รัฐมนตรีได้ตอบหลักเกณฑ์ชัดเจนแล้วในสภา ดังนั้น ต่อไปนี้ นักโทษเด็ดขาดอายุ 70 ปีขึ้นไป สามารถไปขอแบบฟอร์มจากกรมอนามัย และประเมินตนเองส่งให้รัฐมนตรีได้เลย เพราะจะมีนักโทษมากมายที่เข้าหลักเกณฑ์ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ก็เอาเทปการประชุมวันนี้ไปเปิดให้อธิบดีฟังว่า เป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม