ส.ส.ก้าวไกล สงสัย กรมราชทัณฑ์ บอก “ทักษิณ” ป่วยหนัก แต่ออก รพ.แค่ใส่เฝือก-ดามคอ จับตาหลังจากนี้ฟื้นตัวเร็วแค่ไหน ชี้ ถ้าแบบนี้ทำได้ ต่อไปมีคนขอรักษาตัวข้างนอกไม่ต้องติดคุกเพิ่ม ทำลายกระบวนยุติธรรม เพิ่มความเหลื่อมล้ำ เตรียมขุดข้อมูลหน่วยงานใดบ้างมีเอี่ยวช่วยเหลือ
วันนี้ (18 ก.พ.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีสื่อเผยแพร่ภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาล ว่า สังคมรับรู้มาโดยตลอด ผ่านการชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ และรัฐบาล ว่า นายทักษิณ ป่วยมาก ซึ่งเป็นระดับที่เรือนจำ หรือโรงพยาบาลในเรือนจำไม่สามารถให้การดูแลได้ เลยต้องไปใช้โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนต้องบอกว่า ปัญหาที่ไปรักษาตัวข้างนอก กับการใช้โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ถ้าใครติดตามปัญหานักโทษคนอื่นๆ จะพบว่า มีน้อยมาก ที่จะได้รับการรักษาตัวข้างนอก คนสุดท้ายที่เรานึกถึงก็จะเป็นอาก๋ง ที่สุดท้ายต้องเสียชีวิต ต้องบอกว่ามีอาการร้ายแรงในเรือนจำ และไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับนายทักษิณ ถ้าเรามองในกรณีนี้
“สุดท้ายการที่คุณทักษิณมีภาพแค่เพียงใส่เฝือก มีภาพแค่เพียงเหมือนกับคอซ้น ภาพเหล่านี้ที่ออกมา มันทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ของการรักษาตัวของนายทักษิณ ซึ่งความสงสัยแบบนี้ มันทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือ ของเรือนจำ ของกระบวนการยุติธรรม” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้านายทักษิณสามารถทำแบบนี้ได้ ต่อไปก็จะมีคนขอในลักษณะแบบนี้ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่นาทีเดียวเพื่อที่จะไปอยู่ข้างนอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการไปอยู่ข้างนอกจะมีการปฏิบัติอย่างใด อย่าง หนึ่ง เพิ่มเติมอีกหรือไม่ หลายคนไม่ได้ตั้งข้อสังเกตแค่การใส่เฝือก หรือดามคอเท่านั้น หลายคนก็ตั้ง ข้อสังเกตว่า มีการดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี แม้กระทั่งการตัดผม ทำให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกว่า การที่นายทักษิณไปรักษาตัว เอาเข้าจริงกลายเป็นสิทธิพิเศษ สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้กัน กระบวนการยุติธรรมก็ถูกทำลายลง ตนเข้าใจว่าในอดีตมีแง่มุมหลายอย่าง ที่นายทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระบวนการยุติธรรม แต่การใช้วิธีการเพื่อสร้างอภิสิทธิ์บางอย่างให้กับตัวเอง มันไม่ใช่การพิสูจน์ และยิ่งทำลายกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งทำให้วันข้างหน้า สังคมอาจจะตั้งคำถามได้ว่า ตกลงประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีกี่คน ซึ่งคงต้องดูต่อไป ว่าหลังจากกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว อาจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น จนสามารถทำหน้าที่บทบาททางการเมืองได้หรือไม่
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล มีแนวทางที่จะให้ความแตกต่าง และติดตามเรื่องนี้อย่างไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า โดยจุดยืนส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยกับการบังคับตัดผม แต่ทุกคนควรได้รับความเป็นธรรมเสมอกัน วันนี้เราก็ไม่ได้เห็นข้อมูลเรือนจำว่า มีนักโทษได้สิทธิ์เหมือนนายทักษิณอย่างไร ทำให้เกิดความกังวลว่าสุดท้ายระเบียบเรือนจำ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ตนเข้าไปในเรือนจำก็เคยเห็น และพรรคก้าวไกลก็เดินหน้าในการตรวจสอบ แต่ก็ยอมรับว่าการแสวงหาข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็จะพยายามให้ได้มากที่สุด ให้ได้ข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ ตนคิดว่าต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับคนอื่น ที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม