นายกฯ ประชุมติดตามศูนย์วันสตอปเซอร์วิสด่านนครพนม จวกเอกชนทำสัญญาก่อสร้างรถไฟ แต่งานไม่เดิน-ค้างค่าเช่า 11 ล้าน อ้างได้รับผลกระทบโควิด แต่หมดไป 2 ปีแล้ว ลั่นถ้าทำไม่ได้ยกเลิกหาคนใหม่ ตอกย้ำสันติภาพต้องอยู่ร่วมกันด้วยความแตกต่าง ไม่อยากให้มองลงพื้นที่จุดพลุแล้วหายไป
เมื่อเวลา 11.10น. วันที่ 17 ก.พ. ที่ด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ประชุมติดตามสถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) โดยในช่วงหนึ่งกรมธนารักษ์ พื้นที่ จ.นครพนม ได้รายงานปัญหาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ซึ่งเมื่อปี 2562 กระทรวงคมนาคมได้เสนอโครงการก่อสร้างรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคามร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ซึ่งแนวเส้นทางรถไฟจะพาดผ่านที่ราชพัสดุบางส่วน นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ ยังได้จัดทำสัญญาเช่าพิเศษกับบริษัท เจ ซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อัตราค่าเช่าปีละ 11 ล้านบาทเศษ โดยเมื่อปี 2564 บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้เข้าดำเนินการพัฒนา เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 โดยบริษัทได้จ่ายค่าเช่าแค่ในช่วงปีแรก ส่วนปีที่ 2-4 ยังไม่ได้มีการดำเนินการ ซึ่งทางกรมธนารักษ์ก็ได้มีการเร่งรัดไป พร้อมกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระค่าเช่าที่ยังคงค้างอยู่ รวมถึงค่าธรรมเนียม ที่ยกเว้นให้ในช่วง 5 ปีแรก รวมจำนวน 187 ล้านบาท
ด้าน นายกฯ กล่าวว่า เงิน 11 ล้านบาท ที่ค้างกันอยู่ เราก็เห็นว่า โควิด-19 หมดไปเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นปัญหาใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการที่นักธุรกิจลงมาในพื้นที่และจับจองสิทธิ แต่ไม่สามารถเพิ่มศักยภาพและพัฒนาพื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดได้ ก็เป็นการจำกัดความเจริญเติบโตของท้องถิ่น ถ้าถามตนในฐานะเจ้ากระทรวงเงินไม่ต้องจ่ายค่าเช่าตนก็ไม่ว่า แต่ขอให้เกิดการลงทุน 1,700 ล้านบาท มีโรงงาน 20-30 โรงงาน มีการส่งออก และนำเข้าอย่างมากมายหลากหลาย ตนเชื่อว่า จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายบริหาร รัฐมนตรี ฝ่ายกระทรวงพาณิชย์ ก็มา ตนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ได้แต่พูดว่ามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น ปัญหาของประเทศชาติ คือ ขาดการลงทุน ถ้ามีการลงทุนเศรษฐกิจก็ดี อันนี้ต้องขอบคุณที่มานำเสนอและสามารถหยิบยกประเด็นปัญหาใหญ่ของภาคอีสานเลยก็ว่าได้ วันนี้คงต้องมีทั้งพูดคุยกันอย่างบูรณาการ
“ถ้าถามผมก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ถ้าถามว่าธงคืออะไร ผมว่าอยากให้ยกเลิกไปแล้วหาคนอื่นมาทำแทน เอาคนที่มีศักยภาพทำงานให้กับท้องถิ่นจริงๆ มาบูรณาการร่วมกันกับกระทรวง กรม ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา หรือนักลงทุนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับหาแหล่งเงินทุนต่างๆ ที่ทางกระทรวงการคลังหาให้ได้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ถ้าไม่มีคนมาลงทุนก็ไม่ใช่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การค้าการลงทุนก็ไม่มีประโยชน์เรื่องต่างๆ ที่เสนอเข้ามา เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าต่างๆ มันก็จะไม่ได้ประโยชน์สูงสุดอย่างที่ศักยภาพของจังหวัดนครพนมควรมี ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่ามันทำไม่ได้ ก็ต้องหาคนใหม่เข้ามา ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าทำไม่ได้ก็ยกเลิกไป แล้วหาคนใหม่เข้ามา รวมถึงหากบูรณาการกับกระทรวงต่างๆ แล้วมันไม่เกิดขึ้นก็ไปหาทางทำอย่างอื่นดีกว่า” นายกฯ กล่าว
จากนั้น นายกฯ รับฟังรายงานโครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม และรับฟังรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-ศูนย์การค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่สาม-ถนนเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัด
นายกฯ กล่าวอีกว่า มีข้อมูลแน่นมากก็ต้องขอขอบคุณ เราก็เตรียมตัวมาพอสมควรเหมือนกัน โดย จ.นครพนม เป็นเมืองรองการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการผลักดันให้เป็นเมืองหลัก ในส่วนความเป็นอยู่ของประชาชนเรื่องของยาเสพติด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดและแม่ทัพภาค 2 ก็ร่วมมือกันมาเป็นอย่างดีและได้มีการพัฒนาไปเยอะมาก แต่ปัญหาก็ยังต้องการแก้อยู่ดี เพราะ จ.นครพนม มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งเคยเป็นที่สู้รบของคอมมิวนิสต์มาก่อน ก็ทราบถึงความเปราะบางดีว่ามีความรู้สึกกันอย่างไร และอำเภอภูพานเคยเป็นพื้นที่ของสงคราม และปัจจุบันก็เป็นพื้นที่ของสันติภาพ อยากให้บทเรียนนี้คนไทยได้ช่วยกันรักษาประคับประคอง สันติภาพความสงบในประเทศและระหว่างประเทศของเราเอง และประเทศเพื่อนบ้านที่จะเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่พื้นฐานหรือเศรษฐกิจ
นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกท่านใส่ใจและระลึกถึงประวัติศาสตร์ที่มายาวนาน เรามีความเจริญได้ทุกวันนี้ เพราะอะไร เพราะว่าสันติสุข ปัญหาสันติภาพต่างๆ คนไทยเราเองถือว่าเป็นของตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถ้าไม่มีสันติภาพการค้าการลงทุนก็ไม่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่มีการพูดคุยหลายๆ เรื่อง จริงๆ มันคือปัญหา แต่ตนไม่อยากใช้คำว่าปัญหา แต่ตนอยากใช้คำที่บวกคือการปิดโอกาสมากกว่าที่จะทำให้จ.นครพนมจากเมืองรองเป็นเมืองหลักให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขนถ่ายสินค้า การส่งออกและที่สภาอุตสาหกรรมเสนอมา ในเรื่องของถนนชำรุดในเรื่องของการพัฒนาต่างๆ
นายกฯ กล่าวว่า แต่ตัวของตน ถ้าพูดเรื่องของงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เมื่อปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อพัฒนาแล้วจะมีการตอบกลับมาแค่ไหน เพราะนครพนมต้องแข่งขันกับจ.สกลนคร จ.หนองคาย จ.มุกดาหาร เพราะถ้าใช้งบลงทุนอย่างเดียว อย่างที่กรมธนารักษ์รายงาน ก็เป็นปัญหาในสังคมไทย ที่รับไปแล้วก็ไม่ทำกัน สร้างถนน สร้างด่าน สร้างรถไฟทางคู่ แต่ปริมาณการค้าขายมีน้อย มันไม่มีประโยชน์ ตนเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่จะต้องทำ เข่น ถนนชำรุด ต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งคงต้องค่อยๆ ทำ ตนอยากเตือนสติด้วยแล้วกัน ถ้าเกิดสร้างมาแล้ว ต้องมีปริมาณค้าขาย ตามมาด้วย เรื่องของการลงทุนรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ การขนถ่ายสินค้าต่างๆ ที่ดี เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำที่จะช่วยประหยัดเวลา แต่ถ้าวันสต็อปเซอร์วิสไม่เกิดขึ้น เวลาที่ท่านประหยัดไปก็จะมาสูญเสียตรงนี้ ซึ่งจ.หนองคายกำลังปรับปรุงและถ้าสำเร็จก็มาทำที่นครพนม มุกดาหารและอีกหลายหลายๆ ด่าน
ทั้งนี้ เรื่องของการพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบมีกิจกรรมเชิงพาณิชย์จริงๆ เป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่อย่างนั้น ที่ทำมาก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งหลังจากนี้ ทั้งในส่วนของสส.และผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีการพูดคุยกันต่อเนื่อง
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องของกรมธนารักษ์ เรื่องค่าเช่าเล็กมาก แต่สิ่งสำคัญคือการลงทุนในพื้นที่ ต้องทำให้ค่าเช่ามีความหมาย อยากให้มีการเก็บภาษีแวตมากกว่าเก็บเป็นค่าเช่า เพราะรวดเร็วและถูกต้องกว่า อย่างไรก็ตาม อยากให้ตอกย้ำสันติภาพ หรือสงครามในสมัยก่อน ขณะที่สงครามในปัจจุบันก็เป็นอีกชนิดหนึ่ง เรื่องสันติภาพ การอยู่ร่วมกันด้วยความแตกต่าง ไม่อย่างนั้นการค้า การลงทุนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตนไม่อยากให้การลงพื้นที่เป็นการจุดพลุแล้วหายไป.