นายกฯ ย้ำ ประเทศไทยต้องปรับโครงสร้าง ดูแลฐานรากเพื่อความยั่งยืน ระบุ การแก้ปัญหาต้องทำด้วยใจไม่ใช่แค่เงิน ตั้งเป้าดูแลเกษตรกร เพิ่มผลผลิตต่อไร มากกว่านโยบายอุดหนุน มั่นใจเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋ามากกว่า 3 เท่าภายใน 4 ปียืนยันปัญหาหนี้สะสะเซากร่อนประเทศมานานต้องเร่งแก้ก่อนจะลามไปสู่ปัญหาอื่นมากขึ้น
วันนี้ (16 ก.พ.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงาน RESHAPING THAILAND A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทยก้าวต่อไปอย่างยั่งยืนว่า ก่อนจะพูดถึงอนาคตกับความยั่งยืน อยากให้เข้าใจปัญหารากฐานประเทศไทยก่อน เป็นเรื่องของปิรามิตและการฟื้นตัวหลังโควิด ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าเป็นการฟื้นตัวแบบเคเชพรีคัฟเวอร์ ซึ่งมีปัญหาจากความเลื่อมล้ำที่สะสมในประเทศมานาน และอยากให้ทุกภาคส่วนไม่ใช่แค่รัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ การเป็นรัฐบาลทีอำนาจแต่ไม่สามารถทำคนเดียวได้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ ต้องสามัคคีในการแก้ปัญหา
“ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่ข้อแก้ตัวแต่มีความตั้งใจจะทำให้ได้ ในปิระมิดฐานรากคนไทยเกือบ 90% เป็นเรื่องหนี้ ยาเสพติด และปัญหาอื่นๆ เกษตรกรไทย มีหลายสิบล้านคน ปัญหาราคาพืชผล สินค้าเกษตร มีการจำนำ ประกัน จ้างผลิต ทุกอันเป็นงบประมาณส่งผลต่อหนี้สาธารณะมาโดยตลอด และไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งนโยบาย จำนำ อุดหนุน ในต่างประเทศก็ทำ แต่ไทยควรจะทำแค่ในช่วงวิกฤตเท่านั้นต่อจากนี้ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการคะแนนเสียง”
เรามีความเชื่อว่าใน 4 ปี พี่น้องเกษตรกรจะต้องมีรายได้เพิ่มเป็น 3 เท่าได้ และจะต้องไม่บิดเบือนราคาตลาดเพื่อให้มีรายได้สุทธิเข้าสู่กระเป๋าเกษตรกร ไม่ใช่การแทรกแซงเพื่อให้เกิด ยกตัวอย่าง ข้าวของเราต่อไรต่ำกว่าเพื่อนบ้านต่างจากประเทศที่มีเทคโนโลยี 2-3 เท่า ซึ่งถ้าเพิ่มผลผลิตได้จะไม่จำเป็นต้องจ้างผลิต หรือรับจำนำ พันธุ์ข้าวและหน้าดินก็เป็นเรื่องสำคัญ เวียดนามมีงบประมาณเป็นพันล้าน แต่กรมข้าวของเรามีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น เราจะต้องรีเชพด้านเกษตรของไทยเช่นกัน เพื่อให้ผลผลิตต่อไรดีขึ้น
ปัญหาของยางพาราก็เช่นกันว่า ต้องมีการปรับหน้าดิน ที่จะทำให้ผลผลิตต่อไรดีขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องราคา แต่ต้องเพิ่มผลผลิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงให้ความสำคัญกับยางเถื่อน ก็ส่งผลต่อราคาเช่นกัน ซึ่งการจะรีเชพนั้น เกษตรกรเป็นภาคที่ต้องดูแลก่อน รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้เพื่อจะแก้ปัญหา
ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้คนที่อยู่ส่วนบนปิรามิดต้องอุดหนุนแก่กลุ่มคนในส่วนฐานรากตลอดเวลา ก่อนที่จะเปิดตลาดใหม่ ปัญหาที่ประสบประจำคือหนี้สินเกษตรกร มีแต่การพักนี้ที่ทำกันมายาวนานซึ่งเป็นการจำเป็นแต่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย และทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น
เรื่องของน้ำก็มีส่วนสำคัญ เราเองก็เดือดร้อนเรื่องนี้มาตลอดเจอทั้งท่วม เจอทั้งแล้ง รัฐบาลต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไม่ให้ท่วมไม่ให้แล้ง เกษตรกรไทยมีหลายสิบล้านคนถ้าแก้เรื่องนี้ก็จะช่วยให้ผลผลิตเพิ่มรายได้ก็จะเพิ่มตาม บางพื้นที่น้ำท่วมทุกปี ต้องมีการแก้ไข เราไม่อยากให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้น เราต้องดูการบริหารจัดการเรื่องน้ำ ซึ่งเราลงไปแก้ด้วยการใส่ใจ ถ้ารัฐบาลมีเวลา 50 ชั่วโมงต่อวันรับรองว่า ประเทศไทยน้ำจะไม่ท่วม
หนี้นอกระบบเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่มีภาระดอกเบี้ยรายวันสูงมากเป็นปัญหาสังคมจะตามมา มีผู้มีอิทธิพลโยงใย โยงทั้งเศรษฐกิจ หนี้ ยาเสพติด เป็นปัญหาเซาะกร่อนประเทศมายาวนานมากถ้า เราไม่แก้เรื่องนี้เราจะไม่สามารถรีเชพวิ่งไทยแลนด์ได้
“การรีเชพไม่ได้แค่ใช้เงิน แต่ต้องลงใจด้วย เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาในทุกมิติ เราพูดไปถึง เราอยากโฟกัสไปที่ศักยภาพไม่ใช่ปัญหา รัฐบาลมีความตั้งใจจะรีเชพให้ไทยเป็นจุดหมาย ประชาชน อยู่ดีกินดี เลือกประกอบอาชีพ เลือกเพศภาพได้” นายเศรษฐา กล่าว