เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าภาพการเมืองภายนอกจะดูเหมือนราบเรียบหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้บริหารบ้านเมืองมาร่วมครึ่งปีแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะนิ่ง แต่หากพิจารณากันให้ละเอียด จะเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นซ้อนเข้ามา จนน่าจับตามอง
นั่นคือ การเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็ยังมีสถานะเป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคอยู่ในเวลานี้ หากสังเกตจะเห็นว่ามีความ “คึกคักเป็นพิเศษ” ล่าสุดนอกเหนือจากการประชุมพรรค เพื่อปรับปรุงแนวทางของพรรคใหม่ให้ทันสมัย เรียกว่า “อนุรักษ์นิยมทันสมัย” แล้ว ยังเปลี่ยนลุคการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า “สีสันจี๊ดจ๊าด” ร้อนแรงเตะตา เหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า “ยังสู้และยังมีลุ้น” อะไรประมาณนั้น
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ โดยที่ประชุมเดินหน้าให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พร้อมจัดนโยบายรายภาค สู่การขับเคลื่อนมิติทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายของแต่ละพื้นที่ให้สอดรับกับความต้องการของพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)ที่ต้องทำงานเชิงข้อมูลร่วมกันกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมสัญจรแต่ละภาค ที่จะเปิดเวทีให้ประชาชน สะท้อนความต้องการและปัญหาต่างๆ นำมาสู่การผลักดันในอนาคตในทุกพื้นที่ ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพื่อการกินดีอยู่ดีให้ประชาชน
ขณะเดียวกัน ในการจัดเวทีสัญจร จ.หนองคาย ที่จัดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคมนี้ จะเป็นการเปิดเวทีให้หอการค้า อาจารย์ ผู้นำชุมชน และเยาวชน เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูล ต่างๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่เข้าไปช่วยผลักดันนโยบายออกมาเป็นรูปธรรม ทั้งโครงการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการน้ำ การจัดการเรื่องที่ทำกิน และการเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ซึ่งการทำงานจำเป็นต้องร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ซึ่งการจัดสัญจรเป็นอีกเวทีหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลในพื้นที่ โดยจะเดินทางไปภาคต่างๆ โดยครั้งต่อไป หลังจากภาคอีสาน อาจจะกำหนดเป็นภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำในการประชุมครั้งนี้ถึงแนวทางของพรรค ว่าจะมีรูปแบบเป็น “พรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย” ที่จะมีการผสมผสานการทำงานระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ได้อย่างสมดุล เดินไปด้วยกัน และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ว่า พรรคมีความเข้มแข็ง
ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐต่อการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า พรรคกำลังประชุมกันว่าจะมีความเห็นอย่างไร ตอนนี้ตนขอปรับภาพลักษณ์ของพรรคก่อน ให้เป็นพรรคอนุรักษ์ที่ทันสมัย
ผู้สื่อข่าวขอให้ขยายความคำว่า อนุรักษ์ที่ทันสมัยหมายความว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “สื่อไม่รู้หรือว่าทันสมัยอย่างไร แล้วผมทันสมัยหรือไม่”
เมื่อถามว่าหากมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้รวมถึงคดี ม.112 ด้วย พรรคพปชร.จะเอาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่เอาทั้งนั้น ไม่เอานิรโทษกรรม”เมื่อถามย้ำว่า ไม่เอาด้วยกับการนิรโทษคดีมาตรา 112 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ขอให้ดูในการยกมือโหวต ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเป็นความคิดของผมคนเดียว ไม่ใช่ความคิดของพรรค เพราะต้องประชุมหารือกันก่อน”
การเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เที่ยวนี้ ต้องบอกว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะเหมือนกับว่า เขากำลัง “เอาจริง” ไม่ใช่มาเล่นๆแน่นอน หลังจากก่อนหน้านี้เคยเงียบหายไปพักหนึ่งในช่วงหลังเลือกตั้ง และช่วงการโหวตนาย เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ถึงขั้นคาดกันว่าอาจลาออกจาก ส.ส.และวางมือ แต่ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เขาก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง มีการเข้าร่วมประชุมพรรคต่อเนื่อง มีทั้งการจัดกิจกรรมพรรคสัญจร ที่คราวก่อนเริ่มที่จังหวัดเพชรบูรณ์หนึ่งในจังหวัดฐานเสียงหลักของพรรค และคราวนั้นจะเห็นว่า มีบรรดาแกนนำพรรคยังอยู่กันครบ
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวแบบนี้ของ พล.อ.ประวิตร ทำให้ต้องมาประเมินกันอีกรอบว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เพราะลักษณะที่เห็นมันเหมือนกับเป็นอาการของ “คนมีความหวัง” ซึ่งแน่นอนว่าคนระดับ “ลุงป้อม” ต้องหวังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ซึ่งก็สอดคล้องกับคำพูดของบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์การเมืองที่เคยพูดว่า “ลุงอยากเป็นนายกฯ” ส่วนจะใช่ “ลุงป้อม” หรือเปล่ามันก็น่าคิด เมื่อได้เห็นท่าทีและความเคลื่อนไหวที่ดูแล้วคึกคัก กระฉับกระเฉงแบบนี้
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งหากหันมามองฝั่งพรรคเพื่อไทย และสถานะนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่เวลานี้ดำรงตำแหน่งมานานกว่าหกเดือนหรือครึ่งปีแล้ว แต่ถูกมองว่ายังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ที่เห็นมักเป็นลักษณะ “งานฉาบฉวย” ส่วนนโยบายหลักล้วนไม่คืบหน้า ไม่ว่าจะเป็น “แจกเงินดิจิทัล” ที่แม้จะทำขึงขังไม่ถอยแต่ก็ยังไม่คืบหน้า การขึ้นค่าแรง เงินเดือนปริญญาตรี ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ทำให้มีการวิเคราห์กันว่า อาจมีการเปลี่ยนตัว ในช่วงเดือนเมษายน หรือพฤษภาคมนี้ เพื่อให้ตัวจริง คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาแทน
แต่การจะขึ้นมาของ “อุ๊งอิ๊ง” นี่แหละ ที่อาจเป็นช่วงสอดแทรกเข้ามาของ “ลุงป้อม” หากคำพูดที่บอกว่า “ดีลลับ” ก่อนหน้านี้ล้มเหลว และยังไม่ถึงเวลาที่ให้ “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นมาเสี่ยง ซึ่งทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง เพียงแต่ว่าเวลานี้ยังเห็นภาพไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง แต่หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือว่า คึกคักไม่ธรรมดา เหมือนกับทุ่มเทสุดตัวกันเลย
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากคอนเนกชั่น ของเขาเรียกว่ายังมีเพาเวอร์ ที่สำคัญเมื่อมองเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ สังเกตหรือไม่ว่าบรรดา บ้านใหญ่บ้านเล็กระดับ “ตัวตึง” ยังอยู่กันครบ มันเหมือนได้เห็นสัญญาณบางอย่างที่รออยู่ข้างหน้า แบบ “มีลุ้น” อยู่เหมือนกัน ระดับ “เขี้ยว” แบบนี้ หากมองไม่เห็นอะไรก็คงทยอยชิ่งออกไปแล้ว
ดังนั้นแม้ว่าที่ผ่านมา “ลุงป้อม” จะเคยประกาศว่าจะไม่ไปไหน อยู่กับพรรคพลังประชารัฐไปจนตาย แต่เมื่อเห็นอาการล่าสุด ที่มาพร้อมลุคใหม่มีสีสันแบบจัดจ้านทันสมัย ประกาศให้พรรคพลังประชารัฐเป็น “อนุรักษ์นิยมทันสมัย” พร้อมย้ำไม่ให้แตะต้อง มาตรา 112 และการนิรโทษฯ มันเหมือนเป็นการต้องการถือธงนำชิงมวลชนฝ่ายอนุรักษ์ งานนี้ได้ผลหรือเปล่าไม่รู้ แต่ขอลุ้นเต็มที่เอาไว้ก่อน !!