“ก้าวไกล” แถลง 2 ภาษา ยันเสนอแก้ ม.112 ไม่มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หวั่นคำวินิจฉัยของศาล รธน.ก่อให้เกิดปัญหาดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันกษัตริย์ หลักการสำคัญของระบบการเมืองไม่มีความชัดเจนแน่นอน คลุมเครือในการตีความ ส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันเสียเอง
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 31 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และสั่งยุติการกระทำ พรรคก้าวไกลแถลงข่าว นำโดยนายพิธา แถลงเป็นภาษาอังกฤษ และนายชัยธวัชตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าก้าวไกล จะแถลงเป็นภาษาไทย
นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลว่าเป็นสิทธิ์การใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง แต่พรรคก้าวไกลขอยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายหรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติแต่อย่างใด
นอกจากนี้พวกเรายังเห็นว่าคำวินิจฉัยศาลในวันนี้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทย ในระยะยาวด้วย เช่นอาจกระทบกับความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจกระทบต่อความเข้าใจ และความหมายตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการสำคัญของระบบการเมือง ไม่มีความชัดเจนแน่นอน อีกทั้งมีความคลุมเครือ ทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเจตนา ว่าอย่างไร คือการล้มล้างการปกครอง
นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉัยในวันนี้จะก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบบการเมืองไทยในอนาคตอาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในสังคมในอนาคต
สุดท้ายคำวินิจฉัยวันนี้อาจส่งผลต่อประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยอาจส่งผลกระทบต่อด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเองพรรคก้าวไกล ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชนที่ส่งมาให้พวกเราตลอดหลังจากที่มีการอ่านคำวินิจฉัย
คำวินิจฉัยในวันนี้ จะไม่ได้กระทบต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคนประ
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของอนาคตระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข