“นายกฯบางแก้ว” เก้าอี้เหนียวเหลือเชื่อ โดนแขวนปมโดนรวบเรียกสินบนเอกชนกว่า 4 เดือนแล้ว แต่ยังไม่โดนปลด พลิกกฎกระทรวงระบุชัด หากผู้ว่าฯ สอบว่าผิดต้องชง “มท.1” ปลดใน 30 วัน เผย ปปป.ใกล้ปิดส่งอัยการสั่งฟ้องก่อนสิ้น ม.ค.67
วันนี้ (23 ม.ค.67) รายงานข่าวจาก จ.สมุทรปราการ ตั้งข้อสังเกตกรณีความคืบหน้าที่ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ถูก กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซ้อนแผนจับกุมขณะเรียกรับเงินสินบนผู้ประกอบการ พร้อมของกลางเป็นเงินสดกว่า 1.5 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ย.66 ว่า มีความล่าช้าผิดปกติ โดยเฉพาะขั้นตอนการสอบสวน ตลอดจนการพิจารณาปลด นายณัฐพงศ์ ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการจับกุม นายณัฐพงศ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66 นั้น นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ลงนามในคำสั่งให้ นายณัฐพงศ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ทันที โดยมีผลในวันที่ 22 ก.ย.66 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมี ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานกรรมการ แต่ปัจจุบันเวลาล่วงเลยมากว่า 4 เดือนเต็มแล้วกลับยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่ในวันที่จับกุม นายณัฐพงศ์ นั้นได้มีการนำเสนอข่าวในสื่อทุกแขนง พร้อมรายงานถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอย่างชัดเจน
จากความล่าช้าที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในเทศบาลบางแก้ว และใน จ.สมุทรปราการ โดยมีการเปรียบเทียบกับหลายกรณีที่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกจับกุมในความผิดซึ่งหน้า ก็จะมีการลาออก หรือมีคำสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งในเวลาไม่นาน อย่างกรณี นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ที่ถูกจับกุมในลักษณะคล้ายกัน เมื่อเดือน ต.ค.66 ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง และมีการเลือกตั้งได้นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่คนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กรณีที่ จ.อุทัยธานี ทราบว่า นายกเทศมนตรีที่ถูกจับเป็นลูกเขยรัฐมนตรีชาดา (ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย) ซึ่งตัว รัฐมนตรีชาดา ก็บอกเองว่า ที่ให้นายกเทศมนตรีลาออก เพราะการที่ผู้ว่าฯสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้การบริหารงานเทศบาลเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งการที่เรื่องของ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่มูลความผิดเหมือนๆ กัน คนเสียประโยชน์ก็คือ ประชาชนในเทศบาลบางแก้ว จึงต้องถามผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยว่า ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่” แหล่งข่าว ระบุ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หนังสือคำสั่งจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 5958/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณี นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 22 ก.ย.66 นั้น แม้จะไม่มีกำหนดระยะเวลาสอบสวนให้แล้วเสร็จในหนังสือ แต่ในกฎกระทรวงการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งในเทศบาล พ.ศ.2563 ระบุไว้ในข้อ 4 (3) เกี่ยวกับการสอบสวน นายกเทศมนตรี ว่า ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไม่สามารถดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จได้ภายในกำหนดเวลา ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน เท่ากับว่าคณะกรรมการมีเวลาในการสอบสวน 90 วัน ก่อนสรุปรายงานต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งหากนับจากวันแต่งตั้ง 22 ก.ย.66 ก็ถือว่าเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในข้อ 37 ของกฎกระทรวงฉบับเดียวยังระบุด้วยว่า เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับรายงานผลการสอบสวนและสำนวนการสอบสวนกรณี
นายกเทศมนตรีแล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับรายงานผลการสอบสวน แบ่งเป็น 2 กรณี หากไม่ผิด ก็ให้ผู้ถูกสอบสวนกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ แต่หากพบว่ามีความผิด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานผลการสอบสวนและความเห็นให้ รมว.มหาดไทย ทราบ และพิจารณาสั่งให้ผู้ถูกสอบสวนพ้นจากตำแหน่งภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน แต่หากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ รมว.มหาดไทย เห็นควรให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม ก็ต้องสอบสวนเพิ่มให้เสร็จภายใน 30 วัน โดยไม่มีขยายเวลา และรายงาน รมว.มหาดไทย เพื่อพิจารณาและสั่งให้พ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงาน โดยไม่สามารถขยายเวลาได้
“นับเวลาตั้งแต่ 22 ก.ย.66 ถึงบัดนี้ (22 ม.ค.66) ประมาณ 120 วันหลังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากไม่มีความผิดปกติในขั้นตอนใดๆ เรื่องควรจะถึงมือ รมว.มหาดไทย เพื่อพิจารณาปลด นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว แล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นค่อนข้างชัดเจน ไม่น่าจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนจนครบกำหนดตามกฎกระทรวงกำหนดด้วยซ้ำ” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า จากกระบวนการที่ล่าช้าผิดปกติ จึงได้มีการทวงถามความคืบหน้าไปยัง กระทรวงมหาดไทย ถึงกรณีของ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา ส่วนขั้นตอนดำเนินคดีของ บก.ปปป.นั้นทราบว่า การจะัดทำสำนวนใกล้แล้วเสร็จ และจะสามารถส่งให้ อัยการ เพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาบได้ภายในเดือน ม.ค.67 นี้ ขณะนี้ในส่วนของ ป.ป.ช. จะสามารถเสนอที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ถูกจับกุมจากพฤติกรรมเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการเพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติในโครงการจัดหาป้ายประชาสัมพันธ์แอลอีดี (LED) จำนวน 3 จอ วงเงินตามสัญญา 13,359,000 บาท โดยถูกเรียกรับเงิน 25% ของวงเงินจัดซื้อจัดจ้าง หรือ 3,121,261 บาท และนัดหมายส่งมอบเงินครึ่งหนึ่ง จำนวน 1,560,650 บาท ที่สำนักงานส่วนตัวของ นายณัฐพงศ์ ในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งใน อ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ โดยขณะถูกจับกุม นายณัฐพงศ์ พยายามโยนถุงที่บรรจุเงินของกลางทิ้ง โดยคลิประหว่างจับกุมยังมีเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลายในขณะนี้.