xs
xsm
sm
md
lg

“วู้ดดี้” นำทีมคนดัง ประเดิมร่วมประชุม กมธ.สมรสเท่าเทียม ชื่นมื่น “อัครนันท์” ย้ำ ออก กม.ให้เร็วแต่รอบคอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วู้ดดี้-นัท นิสามณี-แต๋ง อาฟเตอร์ยัม” ร่วมประชุม กมธ.สมรสเท่าเทียม ครั้งแรก บรรยากาศชื่นมื่น หวัง กม.ผ่าน ทำเกิดความเท่าเทียมในความรัก ขณะที่ “อัครนันท์” ย้ำ พยายามทำกฎหมายออกมาให้รวดเร็วแต่รอบคอบ

วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนเข้าประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นไปด้วยความคึกคัก กมธ.ส่วนใหญ่เดินทางมาถึงก่อนเวลา โดยเฉพาะตัวแทนภาคประชาชน ซึ่งบุคคลที่เป็นที่ฮือฮา คือ นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ วู้ดดี้ พิธีกรชื่อดัง, นายณัฐชัย ตั้งนิมิตรธนา หรือ นัท นิสามณี เน็ตไอดอลชื่อดัง และนายกฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว หรือ แต๋ง After Yum หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน After Yum

ทันทีที่ วู้ดดี้ และ นัท นิสามณี เดินทางมาถึง ได้เข้าสวมกอดกัน และพูดคุยกับ กมธ.สัดส่วนพรรคการเมือง ถึงทิศทางของการพิจารณากฎหมายด้วยท่าทีชื่นมื่น ก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์

โดย นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวว่า วันนี้จะมีการประชุมต่อยอดจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีอีกหลายมาตราที่เราต้องพิจารณา โดยในวันนี้จะมีที่ปรึกษา กมธ.เข้ามาร่วมประชุมด้วยหลายท่าน ทั้งนี้จริงๆ แล้วที่ปรึกษา กมธ.ที่เราตั้งมาไม่ได้มีแค่ 9 คน แต่มีถึง 57 คน โดย 1 ในนั้น คือ วู้ดดี้ และ นัท นิสามณี

”ทางฝ่าย ส.ส.เอง จะพยายามทำให้ทำงานให้เร็วขึ้น และพิจารณากฎหมายอย่างละเอียดรอบคอบ เชื่อว่า กฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมไปถึงคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ดังนั้น ในส่วนของผมจะทำงานด้วยความระมัดระวังเพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ออกมาดีที่สุด” นายอัครนันท์ กล่าว

ด้าน นายวุฒิธร กล่าวว่า การประชุม กมธ.เป็นไปตามกระบวนการอยู่แล้ว โดยวาระแรกจะมีการพูดถึงกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการประชุมวันนี้คงจะมีการนำเสนอประเด็นขึ้นมาให้พูดคุยกันก่อน

“คิดว่า วันแรกยังไม่ได้ลงสนามอย่างแท้จริง ถือเป็นการอุ่นเครื่องและการวอร์ม มาทำความรู้จักกันก่อน ดูบรรยากาศว่าในห้องประชุมเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากแต่ละคนมาจากคนละที่ และเชื่อว่า จุดยืนของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ อยากให้กฎหมายนี้ผ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ ในส่วนของที่ปรึกษา กมธ. มีคนจากหลายพรรค หลายกลุ่ม บางคนอาจเห็นข่าวแล้วคิดว่ามีแค่ไม่กี่คน อาจจะเป็นแค่คนในวงการ แต่ความจริงมีคนนอกวงการอีกประมาณ 90%” นายวุฒิธร กล่าว

เมื่อถามว่า มีเรื่องอะไรที่อยากผลักดันเป็นพิเศษหรือไม่ นายวุฒิธร กล่าวว่า ความจริง พ.ร.บ.นี้ สมบูรณ์เกือบทุกฉบับอยู่แล้ว แต่อาจจะมีกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บางอย่างที่ต้องใช้เวลานิดในการปรับเปลี่ยน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายกระทรวงและหลายส่วน เพราะแต่ก่อนต้องเป็นชายกับหญิงแต่ขณะนี้เป็นบุคคลหนึ่งและบุคคลสอง รวมถึงเราต้องมองถึงบุคคลอีกหลายกลุ่มที่อาจจะมองเรื่องนี้ว่าขัดกับวิถีชีวิตของเขา ซึ่งเราต้องมาดูอีกครั้ง เพื่อที่จะหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าในฐานะที่เป็นนักโซเชียลจะสามารถนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาแชร์ต่อได้ โดยการเป็นที่ปรึกษา กมธ. เรามาในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชน

“รู้สึกยินดีมากที่มีโอกาสมาร่วมประชุม กมธ.และขอบคุณรัฐบาลที่เห็นความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมายนี้ และเร่งที่จะผลักดันให้ออกอย่างเร่งด่วน” นายวุฒิธร กล่าว ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้นายวุฒิธรได้หันไปแซวนายอัครนันท์ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ว่า ”รู้สึกว่าจะออกภายในพรุ่งนี้หรือเปล่าครับ“ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะระหว่างนายอัครนันท์, นายวุฒิธรและนัท นิสามณี ก่อนที่นายอัครนันท์จะกล่าวเสริมว่า ปีนี้ได้เห็นแน่นอน

“เชื่อว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ และเชื่อว่า ขณะนี้สังคมก็อยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้น เราปักหมุดแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น แต่กระบวนการที่ทำให้เกิดขึ้นและเกิดความเท่าเทียมอย่างแท้จริงและสมูทนั้น นี่เป็นความท้าทายที่สุดของกฎหมายฉบับนี้ จึงหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี และจะพยายามทำให้สะดุดน้อยที่สุด” นายวุฒิธร กล่าว

ขณะที่ นัท นิสามณี กล่าวว่า ก่อนมาประชุม กมธ.วันนี้ ตนได้มีการซาวด์เช็กเสียงจากแฟนคลับถึงข้อเรียกร้อง หรือช่องว่างที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศอยากให้เกิดขึ้นในข้อกฎหมายนี้ ซึ่งตนพร้อมที่จะเป็นกระบอกเสียงแทนสังคมนี้ และอยากฝากบอกว่า จริงๆ เราไม่ได้ต้องการขออะไรที่เพิ่มเติมหรือเกินเลย แต่เราขอให้เท่าเทียมกัน ซึ่งหากกฎหมายผ่านนอกจากเราจะมีความรักที่มีความสุขมากขึ้นเต็มที่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว รวมถึงเศรษฐกิจและจีดีพีที่เกิดขึ้นจะสูงขึ้นได้ ดังนั้น ผลประโยชน์จึงไม่ได้ตกอยู่ที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น แต่รวมถึงสังคมโดยรวมด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น