อดีตรองโฆษก ปชป. หวั่นคดีหมูเถื่อน สุดท้ายแค่บ้องกัญชา เหตุ “ธรรมนัส” ขู่ดีเอสไอ กางปีกป้อง ขรก.กรมปศุสัตว์ ทำผู้ต้องสงสัยกลายเป็นคนใกล้ชิด รมต. เตือน ควรเร่งเปิดทางดีเอสไอทำคดีมากกว่าข่มขู่ อาจเจอข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ พนง.สอบสวน
วันนี้ (17 ม.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ธรรมนัส VS หมูเถื่อน” มีเนื้อหาระบุว่า เชื่อว่าใครที่ตามประเด็นหมูเถื่อนอยู่ อาจกำลังรู้สึกเหมือนผมว่า เริ่มต้นเป็นลำไม้ไผ่ จบลงจะเป็นบ้องกัญชาหรือไม่ เพราะมองเห็นความขัดแย้งที่ค่อนข้างชัดเจน ระหว่างฝ่ายดีเอสไอ กับฝ่ายการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ก็เคยพ่นพิษทำให้อธิบดีดีเอสไอคนเก่าตกเก้าอี้มาแล้ว ล่าสุด แม้เปลี่ยนมือคนทำคดีแล้ว มีความคืบหน้าให้เห็นเป็นระยะ แต่ปัญหากับฝ่ายการเมืองก็ยังไม่จบ เหมือนกับยิ่งสาวลงลึกเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ใครบางคนเกิดอาการเหมือนไส้เดือนคลุกขี้เถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่สังคมตั้งคำถามมากคือ ราคาคุยคำโตของ “ผู้กองธรรมนัส” ที่เคยประกาศจะแฉรายชี่อนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง แต่กลับลำบอกพูดไม่ได้เพราะกลัวถูกฟ้อง พอมีข่าวว่าดีเอสไอจะเรียกสอบข้าราชการกรมปศุสัตว์ ก็ออกมากางปีกปกป้องว่า จะทำอะไรควรถามเจ้ากระทรวงก่อน หรือเรื่องนี้จะมีอะไรในกอไผ่ คนที่กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย กลายเป็นคนใกล้ชิด รมว.เกษตรฯ ไปแล้วหรือ จึงออกมาแสดงบทบาทเหมือนสกัดการตรวจสอบของดีเอสไอที่กำลังเข้มข้น เฉไฉไปว่า ดีเอสไอทำงานล่าช้า ทำได้หรือเปล่า ทำไม่ได้จะดึงมาทำเอง เพราะมีการตั้งชุดเฉพาะกิจมาดำเนินการเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
“ผู้กองธรรมนัส พูดแบบคนไม่รู้กฎหมาย เพราะคนจะทำคดีได้ต้องเป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจตามกฎหมาย เหมือนที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ทางที่ดีผู้กองธรรมนัสควรเปิดทางให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ในการสะสางไส้เน่าในกรมปศุสัตว์จะดีกว่าออกมาสกัดกั้น เพราะแม้แต่คนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็คิดออกว่า “หมูเถื่อน” จะเกลื่อนเมืองไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐ 3 กรม เข้าไปมีเอี่ยว ไล่ตั้งแต่กรมประมง เพราะมีการสำแดงว่าเป็นปลา ไปจนถึงกรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ ถ้าดีเอสไอจะเรียกสอบข้าราชการกรมปศุสัตว์ที่ต้องสงสัย ผู้กองธรรมนัสควรรีบเปิดทาง ไม่ใช่ออกมาข่มขู่ดีเอสไอ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ผู้มีอำนาจตามกฏหมาย” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย