ปธ.กมธ.สีกากี อ้างติด พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ขั้นชั้น 14 รพ.ตำรวจ เข้าไปได้แค่รอบนอก ดูขั้นตอนการทำงาน จนท. ตามบี้ราชทัณฑ์ ขอ 3 เอกสารสำคัญ “ข้อมูลผู้คุมเฝ้าเวร-ค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิ-ใบส่งตัว รท.101” ขีดเส้นเดือนนี้ โยนถาม “ทักษิณ” ยังอยู่ รพ.หรือไม่ ขู่ยังนิ่งระวังเป็นจำเลยสังคม
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น. ที่บริเวณหน้าอาคารศรียานนท์ กองอำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นตัวแทน กมธ.ขึ้นไปตรวจสอบที่บริเวณชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ว่า จากการแลกเปลี่ยนพูดคุยกับ พล.ต.ต.นพ.สามารถ ม่วงศิริ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับทราบว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขัง ที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลแบบค้างคืน คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ที่เหลือเป็นผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยมารับการรักษาแบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งตนได้หารือตามกรอบระเบียบกับทางโรงพยาบาล จึงได้รับการอนุญาตให้ขึ้นไปยังชั้น 14 เพื่อไปดูขั้นตอนการคุมขัง ที่มีเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ จำนวน 2 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่สน.ปทุมวัน 3 นาย และตำรวจสันติบาล 3 นาย รวมเป็น 8 นาย หลังจากที่เห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 8 นายแล้ว ก็ได้ลงมาชั้น 7 เพื่อมาตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยว่ามีขั้นตอนอย่างไร โดยมีผู้ป่วย 2 ราย เข้ารับการรักษา และมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยควบคุม 2 นาย
“ทำให้เห็นได้อย่างหนึ่งว่า การปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์กับผู้ที่มารักษาตัวมีความเท่าเทียมกัน โดยมีการผลัดเวรกันทุก 24 ชั่วโมง และต้องถ่ายภาพเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทุกๆ 2 ชั่วโมง และในห้องที่มีผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยไม่มีการล็อก เพื่อให้ผู้คุมได้เดินเข้า-ออก ได้ตลอดเวลา ซึ่งผมได้ขึ้นไปชั้น 14 ได้พบเจอเจ้าหน้าที่จริง แต่ถ้าถามว่าได้เจอกับนักโทษหรือไม่ ตรงนี้เป็นพ.ร.บ.ส่วนบุคคลที่เขาอนุญาตเพียงเท่านี้” ประธาน กมธ.ตำรวจ กล่าว
เมื่อถามว่า ถือว่า ได้ทำตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ที่ขอมาดูนายทักษิณที่ชั้น 14 หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เรามาเพื่อให้สังคมหายสงสัย สิ่งที่เราทำได้เต็มที่ตามกรอบกฎหมาย คือ เราได้พบเจอเจ้าหน้าที่ ส่วน นายทักษิณ จะพักรักษาตัวที่นี่หรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ เพราะกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เป็น พ.ร.บ.ส่วนบุคคลของผู้ต้องหา ที่มีสิทธิให้ใครเยี่ยม หรือห้ามเยี่ยม แต่เราไม่ได้มาขอเยี่ยมใครคนได้คนหนึ่งอยู่แล้ว เรามาดูขั้นตอนปฏิบัติว่าเท่าเทียมกันหรือไม่ ขณะที่วิธีการรักษา เราไม่สามารถบอกได้อยู่แล้ว เพราะมีกฎหมายควบคุม แต่ป่วยเป็นโรคอะไร โรงพยาบาลได้ชี้แจงไปแล้ว
เมื่อถามว่า ได้มีการสอบถามทีมแพทย์หรือไม่ว่าอาการป่วยของนายทักษิณขณะนี้ จะต้องรักษาตัวอีกนานเท่าไหร่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนไม่ก้าวล่วงการรักษาของแพทย์ หน้าที่ของตน คือ มาหาข้อเท็จจริง หลังจากนี้ ต้องกลับไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับเอกสารที่เราขอไป คือ 1. ผู้คุมคนใดที่มาเข้าเวรที่นี่ มีการลงชื่อผลัดเปลี่ยนเวร ซึ่งเราได้ขอเอกสารไปแล้ว 2. ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลที่แจ้งว่าใช้สิทธิของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ถ้าเกินสิทธิ สามารถใช้เงินส่วนตัวได้ ใช้ระเบียบข้อไหน และ 3. ใบสำเนาข้อมูลการส่งออกรักษาภายนอก (รท.101) หรือใบส่งตัว รวมถึงการกรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำได้ทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในสัดส่วนของโรงพยาบาลตำรวจ เราได้ทำครบถ้วนกระบวนความแล้ว
“เราไม่ทราบว่าอาการป่วยของนายทักษิณหนักขนาดไหน แต่ทางโรงพยาบาลตำรวจชี้แจงมาอย่างหนึ่งว่ามนุษย์เราเมื่อเข้าสู่วัย 70 ปี มีอาการป่วยได้ตลอดเวลา ส่วนจะถือว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ผมก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะเราไม่ทราบว่าอาการป่วยหนักแค่ไหน” นายชัยชนะ กล่าว
เมื่อถามว่า เอกสาร 3 ข้อที่ กมธ.ตำรวจ ขอไปยังกรมราชทัณฑ์ จะติด พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า สิ่งไหนที่กรมราชทัณฑ์ให้ได้หรือไม่ได้ก็ตอบมา เพราะเราถามตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะเงินงบประมาณที่ใช้เป็นภาษีของประชาชน ประชาชนมีสิทธิที่จะรู้ ทั้งการใช้เงินรักษา ประชาชนต้องการทราบว่าถ้าเกินสิทธิของ สปสช. แล้วสามารถใช้เงินส่วนตัวได้ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยคนอื่นที่ทำได้เช่นกัน
เมื่อถามว่า มีการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขราคาการรักษาหรือไม่ ทีมแพทย์ได้ให้ข้อมูลตรงนี้หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เราต้องขอจากเจ้าของไข้ คือ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเราขออยู่
เมื่อถามว่า ส่วนตัวเชื่อหรือไม่ว่านายทักษิณยังอยู่บนชั้น 14 นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ต้องไปถามกรมราชทัณฑ์ ตนไม่ได้เห็น เห็นแต่เจ้าหน้าที่ จะตอบเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ได้
เมื่อถามว่า ทางโรงพยาบาลตำรวจ ได้นำภาพการรักษาที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ที่สังคมสงสัยมายืนยันกับ กมธ.ตำรวจ หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ภาพการรักษาไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อถามว่า จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ มีข้อข้องใจใดๆ อีกหรือไม่ ประธาน กมธ.ตำรวจ กล่าวว่า ตนไม่มีข้อข้องใจกับโรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่ข้อข้องใจที่ตนส่งเอกสารไปยังกรมราชทัณฑ์ กมธ.ต้องได้รับคำตอบ
เมื่อถามว่า การมาวันนี้ถือว่าผิดหวังหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ถือว่าไม่ผิดหวัง เพราะเราได้ขึ้นไปชั้น 14 ดูมาตรการของเจ้าหน้าที่ ตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่ให้เราไว้ และเราได้มาเจอผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วย 2 คน ที่มาจากเรือนจำมีนบุรี ถือว่าเป็นไปตามแผน ทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็ยืนยันว่า ชั้น 14 ไม่ได้มีห้องเดียว แต่มีหลายห้อง แต่เราไม่ได้เข้าไป อยู่เพียงหน้าชั้นของห้องพยาบาล เนื่องจากพื้นที่ที่เหลือมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่
“ผมขอเรียนว่า นายทักษิณ ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ากรมราชทัณฑ์ต้องการเป็นจำเลยของสังคมนี้ กรมราชทัณฑ์ก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ คุณจำผมไว้เลย จำเลยของสังคม ก็คือ กรมราชทัณฑ์ ส่วนโรงพยาบาลตำรวจสิ่งที่ทำวันนี้ถูกต้องที่สุด ดังนั้นเอกสาร 3 อย่างที่เราขอกรมราชทัณฑ์ไป เมื่อเราได้รับเอกสารแล้ว อะไรที่ไม่ถูกต้องก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องเดินต่อไป แต่หากไม่ได้ภายในเดือนนี้ เราก็จะทวงถามไปอีก”