แค่เอกสารเกี่ยวกับปรีดี! “ดร.อานนท์” ซัด “พวกประชาธิปไตยคุณภาพต่ำ” เปิดจดหมายผิดซอง หวังป้ายสีกษัตริย์ ระบุ เอกสารดังกล่าว มีทั้ง ข่าวจริง ข่าวลวง ข่าวลือ ข่าวบอกเล่า ต้องกรองอีกหลายชั้น ที่ทูตเขียนส่งกลับประเทศ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ม.ค. 67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า
เอกสารเกี่ยวกับปรีดีไม่ใช่จดหมายของปรีดี
(dossier de Pridi ไม่ใช่ lettre de Pridi)
เอกสารของปรีดี ไม่ใช่จดหมายของปรีดี
จะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา
งานการทูตนั้นอีกหน้าหนึ่งคืองานการข่าว
ทูตต่างประเทศในประเทศไทยก็ทำงานการข่าว (Intelligence) ไปด้วย และเขียนรายงานกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศของประเทศเขา
การข่าวพวกนี้ คือ ลงไปพูดคุย เสาะหาข่าว จากวงใน ในประเทศไทย
ทูตพวกนี้ก็เคยมาหาข่าวกับผม ตอนหลังก็เป็นเพื่อนกัน นัดกันกินกาแฟอยู่บ่อยครั้ง
ข่าวที่ผมให้ก็มีทั้งข่าวจริงบ้าง ข่าวกั๊กบ้าง ผมตอบว่าไม่รู้บ้าง
ส่วนแหล่งข่าวคนอื่นที่ทูตนักการข่าวไปคุยด้วยหรือไปสืบข่าวมาอาจจะแต่งเรื่อง หรือปล่อยข่าวลือหลอกนักการทูตที่ทำการข่าวเหล่านี้ก็ได้ หรืออาจจะมีพวกวงในที่รู้ไม่จริงจับแพะชนแกะก็เยอะ แต่ทูตนักการข่าวเหล่านี้ก็อาจจะหลงเชื่อ
อย่าลืมว่าการทูต ก็คือ การเมืองระหว่างประเทศ และเมื่อเป็นการเมืองก็มีเรื่องสกปรกเป็นปกติธรรมดาอยู่แล้ว
ทูตพวกนี้เขาก็เอาข่าวจริง ข่าวลวง ข่าวลือ ข่าวบอกเล่า ไปเรียบเรียงเขียนรายงานกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศของบ้านเขา เป็นเอกสารลับ ที่ต้องลับเพราะอาจจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รายงานเหล่านี้ก็เขียนทั้งข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวลวง เช่น ทูตบางชาติก็อาจจะรายงานการปล่อยข่าวลือ (ซึ่ง ณ เวลา นั้นยังไม่ทราบหรอกว่าจริงหรือลือ) ของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่บอกว่า สนามม้านางเลิ้งจะเป็นอัครมหาวังที่ชื่อว่าวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ แต่ก็เขียนรายงานกลับประเทศตัวเองไปแล้ว
เอกสารการข่าวพวกนี้ ไม่ได้เอามาอ้างอิงเป็นหลักฐานชั้นที่ 1 ชั้นต้นได้ เพราะมันไม่ได้ผ่านการตรวจสอบแต่อย่างใด และไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทแต่ประการใดด้วย ข่าวจากหนังสือพิมพ์ในเวลาเดียวกันยังจะน่าเชื่อถือเสียกว่า
เอกสารลับที่เขียนโดยทูตที่ทำหน้าที่การข่าวเหล่านี้ จะถูกเก็บเป็นเอกสารลับ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดจะเผยแพร่ได้ ถ้าอเมริกาจะเรียกว่า Declassified อาจจะห้าสิบปี หกสิบปี ที่เปิดเผยออกมาก็จะไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว
เอกสารของ NARA (National Archives and Records Administration) ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก็ประมาณหอจดหมายเหตุแห่งชาติของบ้านเรา ก็มีเอกสารพวกนี้ที่นักการทูตอเมริกาสืบการข่าวในเมืองไทยแล้วเขียนรายงานกลับไปกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่ ณัฐพล ใจจริง ไปสืบค้นเอกสารจาก NARA มาเขียนวิทยานิพนธ์และออกมาเป็นหนังสือชื่อ ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรีย์ ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง ต้องกลั่นกรองอย่างมาก จึงจะเชื่อได้ ต้องตรวจสอบสามเส้าทางประวัติศาสตร์ (Triangulation) ว่าวันเวลา สถานที่ เหตุการณ์ แรงจูงใจ หลักฐานอื่นๆ มันสอดคล้องกันหรือไม่
กลับมาที่เรียกกันผิดๆ ว่า จดหมายปรีดี ทั้งที่ความจริงน่าจะเรียกว่าเอกสารเกี่ยวกับปรีดีนั้น ก็ถูกนำมาใช้ในการพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยม ที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย พยายามใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 9 มาตลอด จนแม้กระทั่ง ฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยมบางคน เช่น ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรกับจดหมายปรีดีที่ว่า
เป็นเพียงปรากฏการณ์หิวแสง เปิดจดหมายผิดซองของกลุ่มปฏิกษัตริย์นิยมแอบอ้างประชาธิปไตยคุณภาพต่ำ ไร้ความคิดวิจารณญาณ (Critical thinking) ที่เกิดอาการถึงจุดสุดยอดหากได้ใส่ร้ายป้ายสีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 เท่านั้นเอง หาสาระและความหนักแน่นทางวิชาการใดๆ ไม่ได้เลย และก็เป็นเอกสารของหอจดหมายเหตุแห่งชาติของฝรั่งเศสที่เมื่อถึงกำหนดให้เปิดเผยได้ก็เปิดเผยออกมา เหมือนเอกสาร NARA ที่ถูก declassified แล้ว จะเอามาใช้ประโยชน์อ้างอิงต้องกรองแล้วกรองอีก