ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาสถิติศาสตร์
สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เอกสารของปรีดี ไม่ใช่จดหมายของปรีดีจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา
งานการทูตนั้นอีกหน้าหนึ่งคืองานการข่าว
ทูตต่างประเทศในประเทศไทยก็ทำงานการข่าว (Intelligence) ไปด้วยและเขียนรายงานกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศของประเทศเขา
การข่าวพวกนี้คือลงไปพูดคุย เสาะหาข่าว จากวงใน ในประเทศไทย
ทูตพวกนี้ก็เคยมาหาข่าวกับผม ตอนหลังก็เป็นเพื่อนกัน นัดกันกินกาแฟอยู่บ่อยครั้ง
ข่าวที่ผมให้ก็มีทั้งข่าวจริงบ้าง ข่าวกั๊กบ้าง ผมตอบว่าไม่รู้บ้าง
ส่วนแหล่งข่าวคนอื่นที่ทูตนักการข่าวไปคุยด้วยหรือไปสืบข่าวมาอาจจะแต่งเรื่อง หรือปล่อยข่าวลือหลอกนักการทูตที่ทำการข่าวเหล่านี้ก็ได้ หรืออาจจะมีพวกวงในที่รู้ไม่จริงจับแพะชนแกะก็เยอะ แต่ทูตนักการข่าวเหล่านี้ก็อาจจะหลงเชื่อ
อย่าลืมว่าการทูตก็คือการเมืองระหว่างประเทศ และเมื่อเป็นการเมืองก็มีเรื่องสกปรกเป็นปกติธรรมดาอยู่แล้ว
ทูตพวกนี้เขาก็เอาข่าวจริง ข่าวลวง ข่าวลือ ข่าวบอกเล่า ไปเรียบเรียงเขียนรายงานกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศของบ้านเขา เป็นเอกสารลับ ที่ต้องลับเพราะอาจจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รายงานเหล่านี้ก็เขียนทั้งข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวลวง เช่น ทูตบางชาติก็อาจจะรายงานการปล่อยข่าวลือ (ซึ่ง ณ เวลา นั้นยังไม่ทราบหรอกว่าจริงหรือลือ) ของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่บอกว่าสนามม้านางเลิ้งจะเป็นอัครมหาวังที่ชื่อว่าวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ แต่ก็เขียนรายงานกลับประเทศตัวเองไปแล้ว
เอกสารการข่าวพวกนี้ ไม่ได้เอามาอ้างอิงเป็นหลักฐานชั้นที่ 1 ชั้นต้นได้ เพราะมันไม่ได้ผ่านการตรวจสอบแต่อย่างใด และไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทแต่ประการใดด้วย ข่าวจากหนังสือพิมพ์ในเวลาเดียวกันยังจะน่าเชื่อถือเสียกว่า
เอกสารลับที่เขียนโดยทูตที่ทำหน้าที่การข่าวเหล่านี้ จะถูกเก็บเป็นเอกสารลับ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดจะเผยแพร่ได้ ถ้าอเมริกาจะเรียกว่า Declassified อาจจะห้าสิบปี หกสิบปี ที่เปิดเผยออกมาก็จะไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว
เอกสารของ NARA (National Archives and Records Administration) ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก็ประมาณหอจดหมายเหตุแห่งชาติของบ้านเรา ก็มีเอกสารพวกนี้ที่นักการทูตอเมริกาสืบการข่าวในเมืองไทยแล้วเขียนรายการกลับไปกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่ณัฐพล ใจจริง ไปสืบค้นเอกสารจาก NARA มาเขียนวิทยานิพนธ์และออกมาเป็นหนังสือชื่อ ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรีย์ ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง ต้องกลั่นกรองอย่างมาก จึงจะเชื่อได้ ต้องตรวจสอบสามเส้าทางประวัติศาสตร์ (Triangulation) ว่าวันเวลา สถานที่ เหตุการณ์ แรงจูงใจ หลักฐานอื่น ๆ มันสอดคล้องกันหรือไม่
กลับมาที่เรียกกันผิด ๆ ว่าจดหมายปรีดี ทั้งที่ความจริงน่าจะเรียกว่าเอกสารเกี่ยวกับปรีดีนั้น ก็ถูกนำมาใช้ในการพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยม ที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย พยายามใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 9 มาตลอด จนแม้กระทั่ง ฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยมบางคนเช่น ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรกับจดหมายปรีดีที่ว่าเป็นเพียงปรากฎการณ์หิวแสงเปิดจดหมายผิดซองของกลุ่มปฏิกษัตริย์นิยมแอบอ้างประชาธิปไตยคุณภาพต่ำ ไร้ความคิดวิจารณญาณ (Critical thinking) ที่เกิดอาการถึงจุดสุดยอดหากได้ใส่ร้ายป้ายสีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 เท่านั้นเอง หาสาระและความหนักแน่นทางวิชาการใดๆ ไม่ได้เลย และก็เป็นเอกสารของหอจดหมายเหตุแห่งชาติของฝรั่งเศสที่เมื่อถึงกำหนดให้เปิดเผยได้ก็เปิดเผยออกมา เหมือนเอกสาร NARA ที่ถูก declassified แล้ว จะเอามาใช้ประโยชน์อ้างอิงต้องกรองแล้วกรองอีก