นายกฯ ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องอากาศสะอาด เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงจะได้รับ เร่งมอบองค์ความรู้ให้เกษตรกร ไม่เผาตอข้าว-ซังข้าวโพด ยันรีดภาษีแน่ใครนำเข้าพืชผลจากเพื่อนบ้านที่มีการเผา คาด พ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้าสภา 11 ม.ค.นี้
วันนี้ (4 ม.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงครั้งที่สาม ของวันที่สองในการอภิปรายพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เกี่ยวกับเรื่องอากาศสะอาด หรือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 ว่า ทุกคนทราบดีว่าอีกประมาณ 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ก็จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก ยืนยันว่ารัฐบาลนี้มีความตั้งใจที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ สิทธิเสรีภาพในการเลือก หรือแม้กระทั่งสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่นการเข้าถึงอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนพึงได้รับ และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องนำส่งสิ่งเหล่านี้ให้กับพี่น้องพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
ขอย้ำว่า เรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 เรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ได้ลงพื้นที่ไปจังหวัดเชียงใหม่ 4-5 ครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายก็คือวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงไปพูดคุยถึงเรื่องแผนงาน
ทั้งนี้ หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความรู้แก่ประชาชน เช่น เรื่องของการทำการเกษตร ต้องไม่มีการเผาซากพืชผลทางการเกษตร ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้อง เพราะเกษตรกรที่ปลูกข้าว หรือพืชผลต่างๆ เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็ต้องมีการเผาพวกตอข้าว และซังข้าวโพด หากจะต้องไถกลบก็จะเสียค่าใช้จ่ายที่สูง แต่หากใช้ไม้ขีดเพียงก้านเดียว ก็สามารถทำงานได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ทำแบบนั้น ซึ่งรัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ในการมอบองค์ความรู้ และได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่รับซื้อตอข้าว ซังข้าวโพด เพื่อที่จะทำในเรื่องของพลังงานทดแทน หรือว่าทำปุ๋ย หรือว่าเรื่องของการเผาอ้อย โดยฤดูกาลที่ผ่านมาก็มีน้อยกว่าที่คาดคาดการณ์ไว้ เพราะว่ากระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้กำชับในเรื่องนี้ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
สำหรับเรื่องของพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาในชั้นของนิติบัญญัติ โดยพร้อมที่จะนำเสนอเข้าสู่สภาพิจารณา ซึ่งหวังว่าจะเป็นวันพฤหัสที่ 11 มกราคมนี้
ส่วนเรื่องของการใช้งบประมาณ ก็กำลังดูอยู่ ซึ่งเรามีงบประมาณบางส่วนที่เก็บไว้ เพื่อใช้สำหรับภัยพิบัติ ซึ่งก็จะสามารถนำออกมาใช้ได้ ตามความ ต้องการของเหตุการณ์ ณ วันนั้น
เรื่องของการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีบริษัทเอกชนไปปลูกข้าวโพด เช่น ประเทศลาว หรือประเทศเมียนมา ซึ่งได้มีการพูดคุย และมีการคาดโทษ หากมีการเผาเกิดขึ้นจากข้าวโพดที่ได้เก็บเกี่ยวไปแล้ว จะมีมาตรการภาษีไปรองรับ หากนำข้าวโพดเหล่านั้นกลับเข้ามาขายในประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายหลัก ก็คือ การสนับสนุนให้หันมาประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งรัฐบาลตระหนักดี และมีเรื่องที่น่ายินดีที่ มีการมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV อยู่ในประเทศประเทศไทย และจะเป็นฐานผลิตส่งออกไปยังทั่วโลก
นอกจากนี้ สัปดาห์หน้านี้ ประมานวันที่ 10-12 มกราคม เพื่อไปกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น pm 2.5 เพื่อหาทางป้องกัน ที่กำลังจะมาในช่วงไฮซีซันนี้ ลดน้อยลงไป