นายกฯ บอกไม่มีความสุขปมค่าแรงขั้นต่ำ วอนเห็นใจชีวิตความเป็นอยู่ ปชช.ไม่ยึดแค่กฎหมายเพียงอย่างเดียว ลั่นเป็นหน้าที่ต้องทำให้ได้ เมื่อมานั่งตำแหน่งนายกฯ พร้อมหวัง ศก.ปี 67 ดีขึ้น
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.58 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำที่ยังไม่ตรงความต้องการ ว่า ยังครับ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.อย่างที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้แจ้งไปก็มีการตั้งคณะอนุกรรมการและดูเป็นรายอำเภอ รายอาชีพไป
“แน่นอนผมไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่า รมว.แรงงาน ก็ไม่มีความสุข ท่านเองก็อึดอัด เพราะมีกลไกกำหนดค่าแรงอยู่เหมือนกัน ของพวกนี้เหมือนอย่างที่ผมบอกมันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึก มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม ซึ่งหลายๆประเทศเมื่อคืนผมได้เจอกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก็บอกว่าถ้าเราไม่สามารถยกค่าแรงขั้นต่ำขึ้นมาได้ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำมาก” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อคืนได้มีการคุยกันเป็นการส่วนตัวเยอะ เรื่องเหล่านี้อย่างที่ตนบอกค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปีที่แล้ว 300 บาท วันนี้ 337 บาทขึ้นไป 12% ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกันหากลูกๆเจ้าของกิจการทั้งหลายกลับมาจากเมืองนอกเงินเดือน 30,000 บาท เมื่อ 9 ปีที่แล้ว วันนี้ 33,700 บาท ขึ้นมา 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านแฮปปี้ไหม มันเป็นเรื่องใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องของข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายๆ เรื่องคนไทยเราอยู่ด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันด้วยอะไร ด้วยความอยากให้ทุกคนมีความสุขอยากให้ทุกคนมีกินมีใช้ตามความเหมาะสมใช่หรือไม่ อย่างกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นค่าแรงแค่ 2 บาท
“คุณจะพูดอย่างไรก็ตามทีว่านายกฯไม่มีอำนาจ เป็นเรื่องของไตรภาคี เป็นเรื่องของอะไร ผมเข้าใจหมดทุกอย่าง และผมว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน บางทีไม่ต้องเอากฎหมายมาจับ แต่ต้องเอาความเข้าใจความเห็นใจซึ่งกันและกันมาพูดบ้างได้ไหม ในภาวะที่เศรษฐกิจเราเดือดร้อน ก็ฝากไว้ด้วยแล้วกัน” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า เงื่อนไขที่บอกว่า นายกฯ ไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงไปไตรภาคี ตรงนี้จะหาจุดสมดุลมานั่งคุยกันแบบผู้ใหญ่คุยกันอย่างที่นายกฯตั้งใจได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องพยายามต่อไป ก็เป็นหน้าที่เมื่อมาอยู่ตำแหน่งนี้แล้วก็พยายามที่จะต้องแก้ไขปัญหาไปปัญหามีก็ต้องแก้ ต้องพูดจาให้มันชัดเจน ขอร้อง อ้อนวอน วิงวอน เหตุผลมาพูดจากัน อย่าเอาเรื่องที่มันไม่เป็นความจริงมาพูดดีกว่าว่า เขาย้ายฐานผลิต มันไม่ใช่หรอกครับจริงๆ แล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่า แต่ละปีสามารถปรับขึ้นได้ นายกฯ กล่าวว่า ปรับได้หลายๆ อย่าง หลายๆ รอบ ตามความเหมาะสม เราเคยพูดเป็นรายจังหวัดอาจจะต้องพูดเป็นรายอำเภอ เพราะบางอำเภอ อาจจะมีความต้องการแรงงานแตกต่างกันไป เราเองก็ต้องฟังฝ่ายนายจ้างด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เราจะไม่ฟัง ตามอาชีพ ตามความต้องการและตามความชำนาญงาน ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน ตนไม่อยากใช้พื้นที่ของพี่น้องสื่อมวลชนมากดดันทุกๆ ฝ่าย ซึ่งตนคิดว่าเราควรจะพูดจากันด้วยจิตใจที่โอภาปราศรัยและเห็นใจซึ่งกันและกัน ในแง่ของเพื่อนมนุษย์มากกว่า
เมื่อถามว่า นายกฯ คาดหวังกับเศรษฐกิจในปีหน้าอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ก็หวังว่าจะดีขึ้น เป็นธรรมดาของคนที่มาทำงาน และมาอยู่ตรงนี้ เรามาเพื่ออะไร ก็เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ก็ต้องพยายามทำในหลายๆมิติ ตนไม่ได้มาทำแค่ค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว แต่ยังดูเรื่องของการลงทุน การเจรจาสนธิสัญญาทางการค้า ดูเรื่องสิทธิพื้นฐานเรื่องของการเลือกเพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ ของสิทธิเสรีภาพที่ควรจะได้อากาศสะอาด เราก็ต้องทำกัน และหลังปีใหม่ ตนจะไปภาคเหนืออีกไปช่วยกำกับว่าตรงนี้จะต้องดีขึ้น ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหลายมิติและตนคิดว่าปีใหม่นี้ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ ในเรื่องของวิธีการทำงาน เราต้องช่วยกันทำงานดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน