เวียนข้อสั่งการ นายกฯ เพิ่มอำนาจ “กิตติรัตน์” กุนซือคุมแก้ไขหนี้สินรายย่อยทั้งระบบ “เพิ่มเติม” เน้นช่วยเหลือสวัสดิการ ขรก./จนท.รสก./จนท.รัฐ ประสานทุกสถาบันการเงิน/สหกรณ์ออมทรัพย์/เจ้าหนี้เงินกู้ภาครัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อสวัสดิการให้ตํ่าลง เหมาะสมสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตํ่า
วันนี้ (26 ธ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าการ ธปท.
โดยเฉพาะ “นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย
เป็นหนังสือ เวียนแจ้ง ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี คราวการประชุม ครม. เมื่อ 19 ธ.ค.ที่ผานมา เป็นการดำเนินการ “เพิ่มเติม” ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ
นายกรัฐมนตรี เสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของทุกภาคส่วน ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้เสนอเรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบต่อคณะรัฐมนตรีแล้ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีความชัดเจนและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่มเติม ดังนี้
ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการปรับปรุง/กำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือน ทั้งเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และค่าใช้จ่ายอื่นใดของบุคลากรในสังกัด
“โดยต้องมีเงินเดือนคงเหลือสุทธิ เพื่อการดำรงชีพไม่นัอยกว่าร้อยละ 30 ตามแนวทางเดียวกับระเบียบกระทรวงคึกษาธิการ ว่าด้วย การหักเงินเดือนบำนาญข้าราชการ เพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราขการและสหกรณ์ พ.ศ. 2551
ให้ประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ประสานงานให้สถาบันการเงิน และสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ เพื่อสวัสดิการแก่บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
“กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อสวัสดิการให้ตํ่าลง เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตํ่า จากการที่รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาทำหน้าที่ประสานงาน ในการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ”
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมส่งเสริมสหกรณ์ กำกับดูแลให้ “สหกรณ์ออมทรัพย์” ทุกแห่ง ที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ เพื่อสวัสดิการแก่บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
ให้ความร่วมมือ กับประธานกรรมุการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ตามแนวทาง ดังนี้
1. กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อสวัสดิการให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น 2. กำหนดค่างวดเงินต้นให้เหมาะสม 3. ใช้ทุนเรือนหุ้นของลูกหนี้ เพื่อบรรเทาภาระหนี้เงินกู้ลงตามความจำเป็น