“ปานปรีย์” เผย เตรียมหารือเมียนมาต้นปีหน้า ตั้งศูนย์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน รองรับ สถานการณ์สู้รบ ย้ำ ไทยยังยึดฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน แก้วิกฤตในเมียนมา
วันนี้ (26 ธ.ค.) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบในพื้นที่เมียนมา ว่า ตามที่ได้รับรายงานมายังคงมีการสู้รบกันอยู่ ในขณะที่ประเทศไทยมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา จึงมีแนวคิดจะตั้งศูนย์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (Humanitarian Assistance) ตามบริเวณชายแดน ระหว่างไทย-เมียนมา ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบภายในประเทศ ได้รับความปลอดภัย และเป็นการลำเลียงยา อาหาร เข้าสู่ประเทศเมียนมาได้ด้วย โดยประเทศไทยกำลังหาทางพูดคุยกับทางรัฐบาลเมียนมา รวมถึงกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ เพื่อจัดตั้งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลเมียนมา ก็เห็นด้วย ทั้งนี้ จะมีคณะทำงานจากเมียนมาเดินทางมาประชุมฝ่าย ส่วนจะเป็นระดับใดนั้น ยังไม่ได้รับแจ้ง โดยกำหนดการหารือในช่วงต้นปี 2567 และเรื่องนี้ถือเป็นการหารือภายใน แม้จะยังไม่เกิดการอพยพขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมการในกรณีที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และมีการอพยพข้ามไปตามแนวชายแดน อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบ
นายปานปรีย์ ยังกล่าวถึงฉันทามติ 5 ข้อ ของอาเซียน ในการแก้ไขปัญหาเมียนมา ตั้งแต่ปี 2564 ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยในอดีต ไปร่วมลงฉันทามติกันกับอาเซียน ซึ่งปีนี้อินโดนีเซียเป็นประธาน ส่วนปีหน้า สปป.ลาว จะเป็นประธาน เรื่องนี้ประเทศไทยยังคงให้การสนับสนุน และฉันทามตินี้ก็ยังคงดำรงอยู่ เพราะถือว่าเป็นการรับรองร่วมกันกับอาเซียน พร้อมย้ำความสัมพันธ์ไทยกับเมียนมา ถือเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันทั้งสองประเทศยังสัญจรผ่านไปมาหาสู่กัน ส่วนปัญหาภายในของเมียนมาก็ต้องไปดำเนินการจัดการ เพราะถือเป็นเรื่องภายในของประเทศนั้น ไทยในฐานะเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน ไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาได้ ซึ่งไทยจะทำหน้าที่ผู้ประสานงานในอาเซียนด้วยการตั้งศูนย์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพราะไทยมองไปที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งการสู้รบก็เป็นเรื่องกิจการภายในของเมียนมา ที่จะต้องจัดการกันเองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไทยเองเบื้องต้นจะดำเนินการเรื่องนี้ก่อน พร้อมระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดเส้นทางทางการเงิน เพื่อสกัดการค้าอาวุธ เพราะหากตัดเส้นทางการเงิน อาจส่งผลกระทบระหว่างประชาชนไทยและเมียนมาที่ทำการค้าขายกันอยู่อย่างปกติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางด้านการเมืองเลย ดังนั้น เรื่องนี้จะยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่เท่าที่ทราบ สกุลเงินทางเมียนมา ตกลงอย่างมาก
สำหรับความคืบหน้าในการช่วยเหลือตัวประกันไทยจากเหตุการณ์สู้รบ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส นายปานปรีย์ กล่าวว่า ตอนนี้มีความพยายามในการให้ความช่วยเหลืออยู่โดยรัฐบาลกาตาร์ ได้หาทางเจรจาให้หยุดยิง และปล่อยตัวประกัน แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรในรอบนี้ พร้อมเชื่อว่า ในต้นปี 2567 น่าจะมีการเจรจากัน ซึ่งตอนนี้ยังมีตัวประกันชาวไทยอีก 8 คน และอาจจะมีข่าวดีมีโอกาสถูกปล่อยตัวออกมาได้ ทั้งนี้ หากมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ก็อาจจะส่งผลกระทบ แต่ตอนนี้ยังสามารถบริหารจัดการได้