ศาลอาญาคดีทุจริต พิพากษาจำคุก ส.ต.ท.กับพวก 8 คน ตั้งแต่ 3 ปี 4 เดือน - 48 ปี ฐานขโมยปืนหลวง 71 กระบอก ออกจากคลังแสงตำรวจ เมื่อปี 65 พร้อมให้คืนอาวุธปืน หรือชดใช้เงิน 1,483,900 บาท แก่หน่วยงานรัฐ ส่วนจำเลยที่ 9 ยกฟ้อง
วันนี้ (22 ธ.ค.) ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ 72/2566 และ 119/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีทุจริต เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ท.กับพวก 8 คน และพลเรือน 1 คน ร่วมกันเป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ พาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ, ความผิดตาม พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ และ พ.ร.บ.ปราบปราบการทุจริต กรณีขโมยปืนหลวง 71 กระบอกเมื่อปี 2565 โดยขอให้พวกจำเลยคืนปืนเอ็ม 16 เอ1 จำนวน 71 กระบอก หรือถ้าคืนไม่ได้ ให้ใช้เงิน 1,483,900 บาท คืนแก่รัฐ
คำฟ้องคดีระบุว่า เมื่อต้นปี 2565 หน่วยข่าวกรองทหารแจ้งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ได้สืบสวนทราบว่า มีตำรวจทำการค้าอาวุธสงครามที่เจ้าพนักงานไม่อาจจดทะเบียนได้ (ร่วมกับทหารจากลพบุรี) โดยนำมาจากคลังแสงของทางราชการตำรวจ เป็นปืนเล็กยาวชนิดเอ็ม 16เอ1 ไม่มีซองกระสุน จำนวน 71 กระบอก ซึ่ง ส.ต.ท. มีหน้าที่จัดการรักษาปืนสงคราม ที่อยู่ในครอบครองแล้วเบียดบังปืนออกไปจากคลังแสงโดยทุจริต โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยเข้าเวรยาม เอากุญแจเปิดประตูคลังแสงแล้วร่วมกับพวกเอาปืนออกไปใส่รถที่ตรียมไว้ จากนั้นทำเครื่องหมายว่าเป็นปืนตัดจำหน่าย นำออกไปจากคลังแสงหลายครั้ง ซึ่งพวกจำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ผิดหลายบท ต่างกรรมต่างวาระ จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 28 ปี, จำเลยที่ 2, 4, 6, 8 ผิดฐานเป็นผู้ช่วยเหลือให้ความสะดวก และร่วมลงมือกระทำผิด จำคุกคนละ 26 ปี, จำเลยที่ 3 ไม่รู้แผนการที่สมคบกันมาแต่แรก แต่กระทำผิดบางส่วน จำคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 5 เป็นตัวการจำคุก 48 ปี, จำเลยที่ 7 เป็นคนแยกชิ้นส่วนปืน จำคุกเวลา 15 ปี 4 เดือน และให้จำเลยที่ 1-8 คืนอาวุธปืน 71 กระบอก หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 1,483,900 บาท แก่ผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 9 ยังไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับพวกจำเลยรับฟังได้ว่ากระทำผิดให้ยกฟ้อง