สภาถกร่างกม.สมรสเท่าเทียม “ภาคีสีรุ้ง” วอนโหวตรับเนื้อหา คู่รักเพศเดียวกันได้สิทธิตามกม. เป็นของขวัญปีใหม่ "สมศักดิ์" ขอไม่แบ่งแยกเพื่อประโยชน์สังคม ย้ำไม่กระทบหลักปฏิบัติจชต. ก้าวไกลหนุนหวังเห็นชอบ ส.ส.มุสลิมห่วงจุดชนวนขัดแย้งในพื้นที่ ก่อนมีมติรับหลักการ ตั้งกมธ.ศึกษา 39 คน
วันนี้ (21 ธ.ค. 66) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่ .. พ.ศ. ... ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ รวมถึง ร่างพ.ร.บ. ที่มีลักษณะเดียวกัน อีก 3 ฉบับ ทั้งนี้บรรยากาศในห้องประชุมพบว่ามีการอนุญาตให้นำธงสีรุ้งเข้ามาภายในห้องประชุมด้วย
โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ชี้แจงในรายละเอียดของร่างกฎหมายของ ครม. ว่าเป็นการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน รวมถึงคู่ที่เป็นเพศเดียวกัน โดยมีสาระสำคัญที่ขอแก้ไข 68 มาตรา อาทิ แก้ไขคำนิยามที่ครอบคลุมทุกเพศ, แก้ไขบทบัญญัติที่สอดคล้องกับลักษณะของคู่สมรสเพศเดียวกัน, ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนกฎหมายที่รับผิดชอบให้สอดคล้องกับการแก้ไขพ.ร.บ.ภายใน 180 วัน ทั้งนี้การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่การเขียนกฎหมายใหม่ จึงไม่กระทบจังหวัดชายแดนใต้ หรือกฎหมายอิสลาม ที่บังคับใช้กฎหมายเฉพาะยกเว้นกฎหมายทั่วไปในพื้นที่ สำหรับการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับประชาชน ผู้นำศาสนา ทุกภูมิภาค พบว่าประชาชน 96.6% เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว
"การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวของรัฐบาลเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ และรัฐบาล ในการเคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างหลักประกันบุคคลทุกคนได้รับสิทธิก่อตั้งครอบครัวอย่างเสมอภาคเท่าเทียม และส่งเสริมภาพลักษณ์ในสิทธิมนุษยชน สร้างความเชื่อถือต่อประชาคมโลก รวมถึงขจัดการเลือกปฏิบัติด้วยลักษณะทางเพศ ผมยอมรับว่าการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวอาจมีความยุ่งยาก เพราะเคยเสนอมาตั้งแต่สภาฯ ชุดที่ผ่านมา แต่ไม่แล้วเสร็จ และขณะนี้มีการเสนอร่างกฎหมายรวม 3 ฉบับ ของพรรคก้าวไกล, พรรคประชาธิปัตย์ และของประชาชน ดังนั้นผมขอให้ทุกพรรคผ่านร่างกฎหมายโดยไม่คิดว่าเป็นของใคร ทุกฝ่ายควรร่วมใจทำกฎหมายเพื่อเป็นประโยชน์กับสังคม” นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่นายธัญวัจน์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลตอนหนึ่งว่า การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้การรับรองและคุ้มครองบุคคลที่เป็นคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายที่ถูกต้องอย่างไรก็ดีตนเกิดมาเป็นกระเทย สิ่งที่จะติดตัวมาคือ ความเป็นไปไม่ได้ แต่ความเป็นกะเทยนั้นต้องได้รับสิทธิตามหลักมนุษยชน
ทางด้านนายณชเล บุญญาภิสมภาร นักกิจกรรมข้ามเพศ ฐานะประชาชนผู้ร่วมเสนอร่างพ.ร.บ.ฯ ชี้แจงสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ให้สิทธิบุคคลที่เป็นคู่รักเพศเดียวกัน คู่รักต่างเพศ และคู่รักหลากหลาย จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์เพื่อให้เป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกันกับคู่สมรสชายและหญิง รวมถึงให้ได้สิทธิรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันที่ถูกต้องตามกฎหมายและให้มีหน้าที่เป็นบุพการีที่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ขอให้สภาฯโหวตรับหลักการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของภาคประชาชนเพื่อเป็นของขวัญรับปีใหม่ 2567 กับประชาชนที่สนับสนุนร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของประชาชน เพื่อให้สิทธิ และคุ้มครองบุคคลทุกเพศอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
ขณะที่นายสรรเพชญ ชี้แจงสาระสำคัญตอนหนึ่งด้วยว่า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม มอบสิทธิให้ทุกคนเท่าเทียมเหมือนกับ คู่สมรสที่เป็นชาย-หญิง อาทิ ให้สิทธิบุคคลที่อายุ 18 ปีสมรสได้และสามารถสมรสกับชาวต่างชาติได้ โดยใช้นามสกุลของคู่สมคสได้ รวมถึงมีสิทธิได้รับมรดกของคู่สมคสเมื่อคู่สมรสเสียชีวิต และการรับบุตรบุญธรรม ทั้งนี้ตนมองว่าหลักการจากนี้คือการสร้างความเสมอภาคทางสังคม และได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ โดยกฎหมายที่ดีต้องคุ้มครองสิทธิของประชาชน ด้วยการขยายสิทธิตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
จากนั้นสภาฯ ได้เปิดให้ สส. ได้อภิปรายในเนื้อหาสาระ โดยส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน อาทิ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปราย ว่า ตนขออภิปรายในฐานะบทบาทแม่ โดยยกสถิติ 1 ใน 3 ของคนที่เป็น LGBTQ ถูกทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ 7% ของ LGBTQ ที่ถูกทำร้ายเคยพยายามฆ่าตัวตาย ลูกเกิดมาโดยได้รับการดูแลจากพ่อแม่ เราถึงต้องปกป้องดูแลเขาให้ดีที่สุด แต่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเราไม่สามารถปกป้องและดูแลลูกของเราไปได้ตลอดชีวิต ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากเห็นลูกของตัวเองถูกรังแก หรือถูกมองว่าแปลกแยกจากคนอื่น หรือถูกตีตราจากสังคมเพียงเพราะเขามีตัวตนทางเพศที่ไม่เหมือนคนอื่น ต้องมีความรักแบบหลบๆซ่อนๆ ไม่สามารถมีความรักแบบถูกกฎหมายได้ ตนมองว่าการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการเป็นเพศไหน การได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ
ด้านนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนทั้ง 2 ร่างว่า วันนี้ที่ลุกขึ้นพูด ตนลุกขึ้นพูดด้วยหัวใจที่ตนเป็น LGBTQ คนหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาในยุค 50 ปีที่แล้ว ที่สังคมยังไม่ได้โอบรับเท่าทุกวันนี้ ตนลุกขึ้นพูดดูหัวใจที่เป็นครูด้วย สิ่งที่ตนพูดคือการกดทับ LGBTQ ในสถานศึกษา ที่ปัจจุบันดูเหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ที่จริงแล้วยังเปิดๆปิดๆ เปิดแบบแง้มไว้ ยังมีครูและนักเรียนอีกมากมายที่ถูกหลายโรงเรียนกดทับเรื่องนี้ การพิจารณาในวันนี้ถือเป็นแค่บันไดขั้นแรก ยังคงมีการทำความเข้าใจต่อสังคม และแก้กฎหมายอื่นๆตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสิทธิเสรีภาพของ LGBTQ ในสถานศึกษา
“คาดหวังว่าในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการที่สังคมไทยเราแล้ววงการการศึกษาจะโอบรับความหลากหลายทุกเพศ บนพื้นฐานแนวคิดความเสมอภาค”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน แต่มีบางส่วนของพรรคประชาชาติ ที่เป็นมุสลิมอภิปรายเห็นต่าง โดยห่วงว่าจะนำไปสู่ความขัดแข้งในพื้นที่อิสลาม อาทิ นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนจะลงมติไม่รับหลักการร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมทั้ง 4ฉบับ เพราะขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม ยืนยันไม่มีความขัดแย้งกลุ่มหลากหลายทางเพศ แต่ไม่สบายใจการแก้ไขเรื่องคู่ชีวิตให้เป็นเพศเดียวกันได้ ในคัมภีร์อัลกุรอ่านระบุคู่สมรสต้องเป็นเพศชายและหญิงเท่านั้น มองเรื่องโลกเสรี แต่อย่าลืมมองเรื่องศีลธรรม
ต่อมาเวลา 18.55 น. ที่ประชุมสภาฯ ลงมติรับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ทั้ง4ฉบับ ด้วยคะแนน 369 ต่อ 10 งดออกเสียงไม่มี ไม่ลงคะแนน 1เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.) จำนวน 39 คน กำหนดแปรญัตติ 15 วัน