เมืองไทย 360 องศา
อาจเป็นเพราะต้องการเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่จดจำของชาวบ้าน ทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเองและของรัฐบาลโดยเร็ว
จนบางครั้งอาจจะเร็วเกินความจำเป็น เพราะเพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วัน อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ได้เคยเร่งแถลงผลงานรัฐบาล 30 วัน หรือในเดือนแรก ที่เน้นในเรื่องลดรายจ่ายของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟ ตรึงราคาพลังงานให้กับครัวเรือน เป็นต้น
ล่าสุดก็เป็นปล่อยภาพกราฟฟิกผลงานครบรอบ 90 วันของรัฐบาล แม้ว่าคราวนี้อาจจะไม่ใช่เป็นการแถลงโดยตรงนัก เพราะเป็นการสรุปผลงานรัฐบาลของกรมประชาสัมพันธ์ แต่รัฐบาลก็นำมาแถลงแสดงว่าเห็นด้วยกับการนำเสนอดังกล่าว
โดยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้สรุปผลงานรัฐบาลในรอบ 90 วัน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลขอชื่นชมการจัดทำรายงานดังกล่าวที่สรุปผลงานของรัฐบาลได้อย่างดี มีความครบถ้วน ทำให้ประชาชนสามารถมองเห็นภาพรวมได้ทั้งหมด
ในส่วนนโยบายลดรายจ่ายนั้น ประกอบด้วย 1.การลดรายจ่ายด้านพลังงานและการคมนาคม เช่น ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย 3 เดือน ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2.50 บาท/ลิตร ลดราคารถไฟฟ้าสีม่วงและสีแดง 20 บาท ตลอดสาย 2.ครม.เห็นชอบจ่ายเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท 4.68 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ 3.ช่วยชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด ลด PM2.5 120 บาท/ตัน 4.รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ 5.พักหนี้เกษตรกรที่มีหนี้ไม่เกิน 3 แสนบาท 6.บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ นำร่อง 4 จังหวัด (แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส)
สำหรับนโยบายเพิ่มรายได้ ประกอบด้วย 1.กระตุ้นการท่องเที่ยว วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน/คาซัคสถาน/อินเดีย/ไต้หวัน (ไม่เกิน 30 วัน) รัสเซีย (ไม่เกิน 90 วัน) 2.ขึ้นเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรี 18,150 บาท โดยจะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567-2568 การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้น (ทุกคุณวุฒิ) ในอัตรา 10% ภายใน 2 ปี 3.ผลักดันกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 4.ขยาย OTOP สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ 5.One Belt One Road เส้นทางสายไหม 6.ขยายเวลาปิดสถานบริการนำร่อง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี 7.ขยายเวลาการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง และ 8.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
โฆษกรัฐบาล ย้ำด้วยว่า มาตรการต่างๆดังกล่าวจะออกออกผลทางเศรษฐกิจในกลางปีหน้าเป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี มีคนเห็นแย้ง มองว่ารัฐบาลของ นายเศรษฐา สอบตก ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนใหญ่เป็นลักษณะเหมือนกับงานอีเวนต์ ที่ไร้แก่นสาร
โดย นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลทำงานมาประมาณ 3 เดือนเศษ ประชาชนก็คาดหวังว่าผลงานต้องออกมาตามสิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง และรอจากรัฐบาลยังไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมเลย เห็นแต่อีเวนต์ การประกาศ เห็นแต่นโยบาย การชี้แจง แต่เนื้องานที่ออกมาเป็นชิ้นเป็นอันยังไม่มี
และหลายสิ่งหลายอย่างที่นายกฯ โพล่งออกมา ไม่ได้ดูกลไกหรือตัวกฎหมาย หรือระเบียบวิธีปฏิบัติของราชการ ฉะนั้นเมื่อประกาศออกมาก็สะดุด หยุดชะงักไปหมด ไม่ว่าเรื่องขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งทำให้ข้าราชการมีความหวัง แต่เมื่อถึงเวลากลับได้บางส่วน รวมถึงเรื่องการจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง การขึ้นค่าแรง แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด
รวมถึงเรื่องล่าสุดการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และว่า เท่าที่ตรวจสอบมาการแก้หนี้นอกระบบเป็นการสั่งการที่กระจัดกระจาย ไม่สามารถมีใครปฏิบัติได้จริง
นายวันชัยกล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำไปไม่ได้มีอคติใดๆ เพียงแค่ทำในฐานะที่ต้องการให้มีผลงานออกมาและเป็นที่พึงพอใจของประชาชน ไม่ใช่มัวรำมวย รำไปรำมา 3-4 เดือน แค่นี้ ย้ำว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่คนที่เลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และอยากให้มีผลงาน เพราะถ้าคะแนนเต็ม 10 ให้เพียง 4 คะแนน เนื่องจากได้แต่ภาพอีเวนต์ การลงพื้นที่ได้แต่ฉาบฉวย แต่ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่จับต้องได้ยังไม่มี
นั่นเป็นการแถลงผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในรอบ 90 วัน และกำลังจะครบ 100 วันในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งหากสรุปเอาในช่วง 100 วัน ก็พอมองทิศทางได้ว่า คงไม่ต่างจากช่วงที่ผ่านมา หรือในช่วง 90 วัน
แต่สำหรับผลงานจริงๆของรัฐบาลเอาเข้าจริงก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันอย่างที่วิจารณ์กันนั่นแหละ ส่วนใหญ่เป็น “งานฉาบฉวย” และไม่ได้ยั่งยืนจริง เช่น กรณีบอกว่าลดค่าน้ำมัน ลดค่าไฟ มันก็อาจลดจริงแค่วันสองวัน แต่หลังจากนั้น มันก็มีการปรับราคาขึ้นมาอีก ตราบใดที่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างด้านพลังงาน ตามที่มีเสียงเรียกร้อง
ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว และเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขณะที่การเดินทางไปต่างประเทศ เรียกว่าทำสถิติได้มากเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เห็นเป็นผลงาน
หากบอกว่ามีการเดินทางไปเชิญชวนนักลงทุน มีบริษัทยักษ์ใหญ่รับปาก สนใจมาลงทุนมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่สนใจ ยังไม่เห็นบริษัทไหนที่ประกาศเข้ามาลงทุน อย่างไรก็ดีสิ่งเหล่านี้อาจต้องใช้เวลา อย่างอาจ 1-2 ปีถึงจะพอเห็นภาพชัดเจนขึ้น
ขณะที่อีกด้านหนึ่งสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น หรืออยากให้เดินหน้าเห็นผลเป็นรูปธรรม อย่างเช่น นโยบาย “เงินดิจิทัล” หัวละ 1 หมื่นบาท กลับไม่มีความคืบหน้า เพราะหากสังเกตจะเห็นว่าระยะหลังคนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ต่างพร้อมใจกันเลี่ยงที่จะพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น นายเศรษฐา เอง หรือแม้แต่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ถือว่าเป็นแม่งานเกี่ยวกับนโยบายที่ถือว่าเป็น “เรือธง” ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทบ กลับไม่อธิบายเพิ่มเติมออกมาเลย
หรือแม้แต่การประชุมทั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ก็ไม่มีการประชุมกันเลยหลังจากที่มีการเปลี่ยนแผนมาใช้วิธีออกพระราชบัญญัติกู้เงินจำนวน 5 แสนล้านบาท
แม้กระทั่งการ “ส่งคำถาม” ไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความว่าทำได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ เรื่องก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว แต่ล่าสุด นายจุลพันธ์ ก็เปิดเผยว่า “ไม่ได้เร่งรัด” คณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมกับคาดหมายว่าน่าจะได้คำตอบภายในต้นปีหน้า แต่ก็ยังปากแข็งยืนยันว่าจะสามารถแจกเงินดิจิทัลได้ภายในกรอบเวลาเดือนพฤษภาคมแน่นอน
ถึงได้บอกว่าสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นกลับไม่ได้เห็น โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ชาวบ้านต้องการเรียกร้อง หรือเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ในการหาเสียง กลับเงียบเชียบ
การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ที่แม้จะประกาศไปล่วงหน้าแต่ก็ยังไม่ได้นำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่เคยเป็นนโยบายหาเสียงว่าจะเพิ่มให้วันละ 600 บาท (ภายในปี 70) แต่เอาเข้าจริงเพิ่งปรับเพิ่มวันละตั้งแต่ 2-16 บาทเท่านั้น แม้นายกฯจะทำท่าขึงขังไม่พอใจว่าค่าแรงขึ้นน้อยกว่า ราคาไข่หนึ่งฟอง เสียอีก
ซึ่งถือว่า “หล่อแบบเอาใจคนใช้แรงงาน” แต่คำถามก็คือ จะทำอะไรได้มากกว่านี้ จะให้คณะกรรมการไตรภาคีที่พิจารณาค่าแรงทำตามคำสั่งอย่างนั้นหรือ ซึ่งก็ไม่มีทางทำได้แน่นอน แม้ว่าจะมีการประชุมในวันที่ 20 ธันวาคมอีกครั้ง แต่ก็เชื่อว่าคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มากนัก
ดังนั้น หากพิจารณาจากผลงานรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ในรอบ 100 วัน มันก็คงออกมาไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะสิ่งที่ประกาศออกมาล้วนเป็นเรื่องฉาบฉวย ไม่ได้ยั่งยืน ทุกอย่างที่ออกมา จึงเบาหวิว หรือ ไม่ตรงปกอย่างที่เห็นนั่นเอง !!