กสม.มอบ 9 รางวัลบุคคลและองค์กรที่มีผลงานเด่นด้านสิทธิฯ “ประไพพรรณ” ชี้ ไทยยังมีปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม-ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (14 ธ.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดงานวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธันวาคม ประจำปี 2566 ในหัวข้อ 75 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน “ศักดิ์ศรี เสรีภาพ และความยุติธรรมสำหรับทุกคน” น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดงานว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2491 สมัชชาแห่งสหประชาชาติได้ลงมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights - UDHR) ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 48 ประเทศแรก ที่ร่วมรับรองปฏิญญาสากลฉบับนี้ อันถือเป็นเอกสารประวัติศาสตร์สำคัญที่เป็นพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนหลายฉบับที่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติต่างดำเนินการและผลักดันเพื่อให้สิทธิที่ระบุไว้ในปฏิญญาเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ผ่านไป 75 ปี สิทธิมนุษยชนก็ยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายอย่างมากในปัจจุบัน ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกรูปแบบอยู่ทั่วไป ซึ่งสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของประเทศต่างๆ ล้วนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ในขณะนี้เลวร้ายกว่าเมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมา และนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง มีความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
สำหรับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ยังมีปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ความตระหนักรู้และเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน กสม. จึงได้นำประเด็นที่มีเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก มากำหนดเป็นนโยบายการขับเคลื่อนงานที่สำคัญสำหรับปี 2567 ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง กสม. จะร่วมกับทุกภาคส่วนพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่เป็นหลักประกันการเข้าถึงความยุติธรรมสำหรับทุกคนตลอดทั้งกระบวนการ โดยขับเคลื่อน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และผลักดันร่าง พระราชบัญญัติประวัติอาชญากรรม เพื่อให้มีหน่วยงานกลางและมีการจัดการเรื่องทะเบียนประวัติอาชญากรรมที่ไม่กระทบต่อสิทธิของประชาชนจนเกินสัดส่วน
2. สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่กระทบต่อสิทธิในชีวิตและสุขภาพ และ 3. สิทธิผู้สูงอายุ โดย กสม. จะผลักดันทั้งในระดับประเทศและกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ให้สิทธิของผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในสิทธิมนุษยชนกระแสหลัก และสร้างหลักประกันว่าผู้สูงอายุจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยังมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์
“ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในปีนี้ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนจะได้ถอดบทเรียนของภารกิจงานส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมา และมองไปข้างหน้าถึงการทำงานเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ยังมีอยู่ และปัญหาในอนาคต”
นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงระบุถึงพัฒนาการเชิงบวกด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในช่วงที่ผ่านมา เช่น ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งปัจจุบันได้มีการประกาศใช้แผนระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรียังได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ซึ่งเป็นการปูทางสู่กระบวนการพิจารณาและผ่านกฎหมายที่จะมีผลส่งเสริมสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และนำมาตรฐานระหว่างประเทศมาส่งเสริมการพัฒนาในประเทศ จึงมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ HRC วาระปี ค.ศ. 2025-2027 ของไทย เพื่อสานต่อความร่วมมือกับประชาคมโลกในการแสวงหาแนวทางการป้องกันและรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
จากนั้น กสม. ได้มอบรางวัลบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2565 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลและองค์กรที่ทำหน้าที่ในการส่งเสริม ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยผู้รับรางวัลทั้ง 9 รางวัล ได้ขึ้นรับโล่เกียรติยศและกล่าวถึงความรู้สึก และความสำคัญของสิทธิมนุษยชนในมิติต่างๆ ได้แก่
1. โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw
2. นายอลงกรณ์ เหมือนดาว บรรณาธิการ รายการข่าว 3 มิติ
3. นายเดโช ไชยทัพ นายกสมาคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือ
4. รองศาสตราจารย์ บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5. น.ส.รอซิดะห์ ปูซู ประธานเครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (N-Wave)
6. นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชน/เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล 5 จังหวัดอันดามัน
7. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
8. มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING)
และ 9. นางสาวธนานุช สงวนศักดิ์ ผู้สื่อข่าวอิสระ