“ธนาธร-รอมฎอน”เปิดวงเสวนา สร้างประชาธิปไตยไทยและสันติภาพให้ชายแดนใต้ ผ่านการปฏิรูปกฎหมายความมั่นคง-คืนอำนาจสู่ท้องถิ่น
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคก้าวไกล ร่วม 2 วงเสวนา ในประเด็นการปฏิรูปกฎหมายความมั่นคง การสร้างประชาธิปไตยไทย สู่สันติภาพชายแดนใต้ และการคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อการสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่พื้นที่และประชาชน พร้อมด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ชุมชน รวมถึงตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นายธนาธร กล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปกองทัพว่าจะส่งผลอย่างไรต่อประเทศไทย และกระบวนการสร้างสันติภาพ โดยสาเหตุที่ต้องหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยเป็นเพราะกลไกของกองทัพในปัจจุบันยังเป็นกลไกหลักในการผลิตซ้ำค่านิยมอำนาจนิยม ที่อาจส่งผลให้การสร้างความตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพและความหลากหลายเป็นวาระที่ไม่ถูกพูดถึงในพื้นที่ โดยหากจะต้องแก้ปัญหาดังกล่าว ต้องเริ่มจากการสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะต้องเริ่มจากการปฏิรูปกฎหมายความมั่นคงและลดบทบาทของกองทัพในพื้นที่ เพื่อเพิ่มวาระทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับประชาชนให้มากขึ้น
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังชวนตั้งคำถามและพิจารณาถึงงบประมาณในการจัดการเรื่องสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ในงบประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณ 25,000 ล้านต่อปี แต่กลับไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาพื้นที่ที่มากพออย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุนี้ สิ่งสำคัญจึงเป็นการลดบทบาทกองทัพในกระบวนการสันติภาพ และผลักดันให้พลเมืองเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ทำให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาได้ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและเชิงเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมและผลักดันให้คนรุ่นใหม่ในพื้นที่ได้กลับมาพัฒนา และขยายโอกาสในพื้นที่ให้ได้มากยิ่งขึ้น
โดยประเด็นนี้ สอดคล้องกับประเด็นในวงเสวนาเรื่องการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่น เพราะหากสามารถคืนสันติภาพให้แก่สามจังหวัดชายแดนใต้ จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก็ย่อมนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมให้เกิดเป็นมูลค่าที่มากขึ้นได้ หรือกล่าวได้ว่า นี่จะเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของประเทศไทยและพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้ประชาชน
ด้านนายรอมฎอน กล่าวถึงร่างกฎหมายที่จะเป็นหลักประกันและเป็นพื้นฐานในการที่จะสามารถลดบทบาทของกองทัพในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และสามารถนำไปสู่การยุบ กอ.รมน. ได้ แต่การนำเข้าร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภา ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องทำงานหนักในทางความคิด เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ทั้งในภาคประชาชนและในสภา แต่สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดคือ การตัดสินใจจากรัฐบาล โดยเงื่อนไขในการคลี่คลายความขัดแย้งคือ ประเทศนี้ต้องเป็นประชาธิปไตย และทุกๆ การตัดสินใจของรัฐบาลพลเรือนต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของประชาชน
ในช่วงท้าย นายธนาธร มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากการลดบทบาทกองทัพ นั่นคือการที่การเมืองไทยในแบบรัฐสภาควรจะต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ และมีเจตจำนงที่แน่วแน่ในการแก้ไขปัญหานี้ หากทำได้ นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนปิเหล็ง ที่มีพลเมืองขึ้นมาเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพ