นายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินหน้าช่วยเหลือตัวประกันคนไทยในอิสราเอล พร้อมกำชับแก้ปัญหาหมูเถื่อน ต้องสืบสวนขยายผลให้ถึงรายใหญ่
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ที่ท้องสนามหลวง ว่า ได้เรียก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการสูงสุด หารือในด้านความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน ในทุกด้านรวมถึงสถานการณ์ชายแดน ไทย-เมียนมา และขอบเขตที่กองทัพจะมาช่วยดำเนินการได้ เช่น การแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาเรื่อง PM 2.5 พร้อมย้ำว่า ปัญหา PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจากการเดินทางลงพื้นที่เชียงใหม่ที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยถึงปัญหานี้ โดยจะต้องเป็นร่วมมือกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องดูแลเรื่องของการเผาป่าและหลายเรื่อง
สำหรับการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เข้าใจว่า ต้องรอให้มีการพักหยุดยิง เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายในการลำเลียงตัวประกันออกมา พร้อมย้ำถึงกระแสข่าว และข้อกังวลว่า แรงงานไทยที่เหลือจะไม่ได้รับการปล่อยตัวนั้น นายเศรษฐา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
สำหรับความคืบหน้าแก้ปัญหาหมูเถื่อน ต้องถามทางกระทรวงยุติธรรม โดยได้กำชับไปแล้วว่าเรื่องนี้ต้องขยายผลให้ถึงรายใหญ่ให้ได้
ส่วนการประชุมพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดนครราชสีมาพรุ่งนึ้ นายเศรษฐา ระบุว่า ยังไม่ทราบจะมีการชี้แรงเรื่องใดบ้าง แต่ยืนยันว่าไปร่วมอย่างแน่นอนในช่วงบ่ายหลังเสร็จภารกิจในช่วงเช้าแล้ว
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ได้ร่วมถ่ายรูปกับคณะรัฐมนตรี รวมถึงพูดคุยกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมครอบครัว ที่เดินทางเข้ามาทักทาย และลากลับ
ด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล ว่า แรงงานที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ในขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศพยายามที่จะช่วยเหลือ ประสานในการปล่อยตัว ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ยังไม่ทราบว่า จะถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม แรงงานทุกคนยังปลอดภัยดี รวมทั้งแรงงานในส่วนอื่นๆ ที่ยังอยู่ในอิสราเอล ส่วนใหญ่อยากทำงานต่อในประเทศอิสราเอลเหมือนเดิม เพราะทางอิสราเอลก็ดูแลคนไทยตามแคมป์แรงงานต่างๆ และอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เกิดการสู้รบ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนการชดเชยแรงงานที่เดินทางกลับมา 15,000 บาทต่อคนนั้น ได้ดำเนินการจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เหลือคนที่เดินทางกลับมาในช่วงท้ายๆเท่านั้นที่กำลังดำเนินการอยู่ สำหรับการชดเชยเพิ่มอีก 50,000 บาท และการพักหนี้ต้นและดอก 3 ปีนั้น หนังสือได้ส่งไปยังทุกกระทรวงแล้ว จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งตนเองก็รออยู่ขณะเดียวกันก็มีการทวงถามเข้ามาทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้รับเงินจำนวนนี้ และยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกตีตกหรือเลื่อนอีก แต่สาเหตุที่ช้าเนื่องจากต้องทำความเห็นเวียนไปทุกกระทรวง ซึ่งขณะนี้กลับมาที่กระทรวงการคลังแล้วผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแรงงานที่อยากกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้ง
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ไม่ควรที่จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก เพราะสงครามยังไม่หยุด และนายกรัฐมนตรีเองก็พยายามที่จะให้ข้อมูลว่าสงครามยังไม่เลิก จึงขอให้ทุกคนดูแลตนเองก่อน ขณะที่กระทรวงแรงงานก็พยายามหางาน ให้แรงงานไทยที่เดินทางกลับมาได้ไปทำงานต่อที่ประเทศอื่น โดยช่วงต้นปีหน้าไปแล้วจะส่งแรงงานเหล่านี้ไปที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแรงงานภาคเกษตรเช่นเดียวกันนายพิพัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ และพยายามประสานไปยังอีกหลายประเทศด้วยว่าต้องการแรงงานที่มีทักษะด้านการเกษตรหรือไม่ เพราะถ้ามีทักษะในเรื่องนี้แล้วค่อนข้างจะมีค่าตอบแทนสูง ซึ่งบางประเทศก็มีการแจ้งความจำนงมาแต่ค่าแรงไม่ได้สูงเท่าอิสราเอล แต่ย้ำว่า ทางอิสราเอลก็ต้องการแรงงานจากประเทศไทย และเปิดรับตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไทยที่เดินทางกลับมากว่า 9,000 คนแล้ว อิสราเอลก็พร้อมให้กลับไปทำงานต่อ ซึ่งในอดีตเมื่อ ทำงานครบสัญญา 5 ปี 3 เดือนแล้ว ก็จะไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ในขณะนี้เมื่อครบกำหนด 5 ปี 3 เดือนแล้ว ทางการอิสราเอลต่ออายุให้อีก 1 ปี