“สามารถ” ฟาด “ไอซ์ รัชนก” ไม่ได้ทำชั่วจะกลัวอะไร ปมขอศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา ชี้ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ม.112 เหมือนกิโยติน กฎหมายนี้ให้หายไปจากประเทศไทย “อดีตหัวหน้า ศรภ.” ซัด คู่หู “ชัยธวัช-ธนาธร” หมกมุ่นนิรโทษ ม.112
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ธ.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เวลาทำไม่คิด พอเจอคดี ก็เลื่อนๆๆๆๆ ดึงเวลา ดึงคดี ปกติคนไม่ทำผิด เขาไม่กลัวความผิด ดั่งคำโบราณที่ว่า “ถ้าคิดว่าไม่ได้ทำชั่ว จะกลัวอะไร”
ที่ ไอซ์ รักชนก ทำหนังสือขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา ไม่งั้นอาจหลุดได้ เพราะถ้าศาลตัดสินผิดจริง ถ้าถูกจำคุกแต่ประกันตัวได้ก็สู้กันต่อที่ ศาลอุทธรณ์ ฎีกาได้เป็น ส.ส. ต่อไป ยกเว้นว่า ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก แล้วไม่ให้ประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำแค่วันเดียวก็พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.
จะเห็นว่า ไอซ์ ใช้สิทธิของตนเองเต็มที่ บางทีอาจเกินส่วนไปเสียด้วย...แต่ไม่เคยคิดว่าที่ตัวเองทำไปนั้นคนอื่นเขาเดือดร้อนมากแค่ไหน ???
จึงไม่แปลกใจ พอทำผิดแล้ว ก็จะมายกเลิกความผิด ???
แล้วปากบอกอ้างว่า ปรองดอง ??? ถ้าคนทำผิด แล้วไม่ต้องรับโทษ จะมีกฎหมายไว้ทำไม
ดังนั้น การที่จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาตรา 112 ก็เพื่อทำกิโยตินกฎหมายนี้ให้หายไปจากประเทศไทย
ผมไม่กล้าแม้แต่เพียงจะคิดว่า ถ้าไม่มีกฎหมายมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา คนกลุ่มนี้จะล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงขั้นไหนอย่างไร
เพราะขนาดมีกฎหมาย ยังไม่เกรงกลัว ด้อยค่า ย่ำยีหัวใจคนไทยได้ทุกวัน
ดังนั้น ผมฝากพวกเราช่วยกันปกป้อง 3 สถาบันหลักของชาติไทยไว้ ให้อยู่ไปชั่วลูกสืบหลานตลอดไป”
ขณะเดียวกัน วานนี้ (1 ธ.ค. 66) พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“ถึงคู่หูคู่ฮา ( คุญชัยธวัช คุณธนาธร)
นอกจาก ม.112 แล้ว พวกคุณรู้เรื่องอะไร ที่ประชาชนที่เค้าเลือกพวกคุณมา กำลังเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ในขณะนี้บ้างมั้ย ลองอ่านดูครับ
1. นายกฯ ดูเรื่องหมูเถื่อน พอเค้าไปดู กลับถูกสั่งย้าย คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ ทำไมต้องย้ายวันรุ่งขึ้นเลย ย้ายแบบนี้ ทาง ซีพี น่าจะเดือดร้อนเพิ่มขึ้นกระมั้ง เพราะมันจะเป็นเหตุทำให้ “คนจำกันได้ทั้งเมือง”
และนึกถึงเรื่อง เก่าๆ ของ 7-11 ขึ้นมาได้อีก หรือทางคุณไม่เดือดร้อนเลยไม่ยุ่งดีกว่า (ผมสงสัยว่าหมูกระทะคงจะซบเซาไปบ้างละช่วงนี้)
2. ความยุติธรรมที่ แป้ง เรียกร้อง นั้น รัฐบาลทั้งคณะยังต้องทำการบ้านกันหัวหมุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่พวกคุณกลับเงียบเหมือนว่า “เรื่องของมึงไม่เกี่ยวกับพวกกู” ทั้งๆ ที่รอนั่งเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน” แม้จะได้มาแบบดูไม่ดีสักเท่าไรก็ตาม
3. ขณะที่พวกสมาชิกพรรคคุณหลายร้อยคนพึ่งพาบริการรถไฟฟ้าสายต่างๆ มาพบปะกันทั้งการเดินทางตามปกติ และเวลามาชุมนุม 3 นิ้ว
คงรวมทั้งตัวคุณด้วย แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย เราเป็นนักการเมืองของประชาชนนะครับ ต้องยอมรับว่า เรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามทำดี ก็ชมซะบ้างคงไม่เสียหายอะไร แต่เพราะไม่มีใจเป็นนักกีฬาแบบนี้เองน้องๆ จตุรมิตร ถึงถอยห่าง พวกคุณออกไป
4. เรื่องทุนจีนสีเทา หลากหลายสี รู้สึกว่ามี คุณรังสิมันต์ และคุณอะไรผมจำชื่อไม่ได้ (ใส่แว่นตากลมด้านหนึ่ง สี่เหลี่ยมอีกด้านหนึ่ง)
ยังออกมาตามอยู่ ผมยังนึกชมอยู่ในใจว่า “ถ้าจะทำดี ก็ทำเป็นเหมือนกัน” ดังนั้น ทั้ง 2 คน เริ่มมาถูกทางในการเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่แล้ว
แต่ดูเหมือนว่าทางพรรค จะไม่รับรู้เรื่องอะไรด้วย นอกจากเรื่อง 112
อ้อ, แล้วการที่คุณสุริยะใส อุตส่าห์แนะนำให้ไปพูดเรื่อง 112 กับคนนั้นคนนี้น่ะ คุณไปพูดเองไม่ได้ผลหรอกครับ ต้นทุนทางสังคมของคุณในเรื่องนี้มันไม่ค่อยดีนัก
5. ยังมีอีกหลายสิบเรื่องที่เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ไม่ใช่ของ คุณศรีสุวรรณ คุณปวีณา ของทนายโน้น ทนายนี่ หรือของเพจสายไหมฯ ดังนั้น การหมกมุ่นเรื่องการนิรโทษกรรม พวกทำผิด ม.112 นั้น ถ้าพวกคุณ อ้างว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งทางการเมือง พวกคุณก็ผิดอีกแล้ว
ผมเคยตบยุงตอนเข้าเวรราชองครักษ์อยู่ สมเด็จพระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ผ่านมาเห็นตอนผมตบยุง ยังทรงแนะนำว่า “ให้เอามือปัดก็พอ” นั่นแค่ยุงนะครับ
ถ้าเป็นราษฎรของพระองค์ ผมคิดว่าท่านคงไม่อยากให้มีเรื่อง 112 เกิดขึ้นแน่นอน แต่ ม.112 นั้น เริ่มถูกใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อใช้ประโยชน์สารพัดชนิดของรัฐบาล ทั้งเรื่องในและนอกประเทศ (เรื่องยาวมากขอผ่านไปครับ) มันเริ่มมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญที่เป็นทางการฉบับแรก มาจนถึงปัจจุบัน
การเกิดขึ้นของ ม.112 ในสมัยรัฐบาลคณะราษฎร จึงไม่ใช่เรื่องของพระองค์เองเลย (ไม่งั้นพวกคณะราษฎรติดคุกกันไปหมดแล้ว) รัฐธรรมนูญที่เป็นทางการฉบับแรก มาจนถึงปัจจุบัน จึงเกี่ยวพันไปถึง
เรื่องความมั่นคง และการคุ้มครองประมุขของประเทศต่างๆ รวมถึงบุคคลสำคัญทางการทูตทุกประเทศ ก็ต้องอาศัย ม.112 เป็นหลักเริ่มต้น
ข้อหา ม.112 นั้น ยัดเยียดกันไม่ได้ไม่เหมือนยาเสพติดนะครับ ต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก (เจตนาตามกฎหมายมีคำจำกัดความไว้ชัดเจน อย่าทะลึ่งไปคิดกันเอง) ส่วนใหญ่ก็ดูจาการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบที่พวกคุณกำลังจะขอนั้นแหละ ส่วนคุณ ธนาธร ที่ขอสละสิทธิ เพื่อให้เกิดกฎหมายนี้นั้นได้ใจด้อมส้มไปแยะเลย ไว้จะเขียนเรื่องนี้ต่อไปครับ
ดังนั้น การตัดสินความผิด จึงเป็นเรื่องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผิดก็ต้องผิด ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษก็อยู่ในพระราชอำนาจ คนละขั้นตอนกัน ซึ่งในหลวงทุกพระองค์ ก็พระราชทานให้ทั้งนั้น พวกคุณเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม ถ้ายังไม่คิดก็เริ่มคิดได้แล้วครับ”