ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เบื้องหลังบ่อนหรูจีนเทา ย่านงามวงศ์วาน ได้กลิ่น “จินหลิงซีซั่น2”.. “เสี่ยเหยี่ยว” ไทยเทา จับมือ”หยางเฉิน” หลานตู้ห่าว ???
เป็นเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว...
"พี่สั่งแล้วว่า เรื่องอบายมุขเนี่ย ห้ามเด็ดขาด"
คำกล่าวของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. หลังรับทราบกรณีที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเข้าจับกุมบ่อนการพนันในโรงแรมย่านงามวงศ์วาน ซึ่งงานนี้ จับกุมนักพนันชาวจีนกว่า 20 ราย ชิปแลกเงินกว่า 10 ล้าน อุปกรณ์โต๊ะแทงบาคาร่า 6 โต๊ะ และเงินสดกว่า 3.5 ล้านบาท
ผบ.ตร.พูดแล้ว แต่ทำไมยังมี?!
และในรายละเอียดก็ยังไม่ทราบว่ามีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องบ้าง?
ไฉนจึงมีผู้กล้า!? ประหนึ่งได้กินดีหมีหัวใจเสือเข้าไป และมากยิ่งไปกว่าคือ บ่อนพนัน "Not Entertainment Plach" บนโรงแรมดังกล่าว มีการตกแต่งอย่างหรูหรา พนักงานแต่งตัวไม่ต่างบ่อนระดับสากล ที่เห็นในภาพยนตร์ อีกทั้งสถานที่ยกระดับสมค่าลูกค้า วีไอพี มากันทรงนี้แน่นอนว่า เป็นบ่อนสไตล์ “จีนเทา” ใกล้เคียงกับบรรยากาศบ่อน “จินหลิง” ของ อาห่าวหรือ “ตู้ห่าว” หลานเขยอดีตบิ๊กตำรวจคนดังที่ถูกเปิดโปงเมื่อปีก่อน
เพื่อไม่เสียเวลาท่านผู้ชม ขอแฉความไม่ชอบมาพากลและอาจจะนำพาซึ่งความหายนะของตำรวจน้อยใหญ่ของกองบัญชาการตำรวจภาค 1 หากรัฐบาลกับ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เอาจริงขึ้นมา
กล่าวคือ บ่อนจีนเทาแห่งนี้มีกลิ่นตุ่ยๆ ก่อนฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลตำรวจ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมาแล้ว โดยมีรายงานว่ามีความพยายามจาก "เสี่ยเหยี่ยว" นักพนันขาใหญ่ชาวไทยรู้จักกันดีว่า กว้างขวางในหมู่จีนเทา รวมทั้งกำลังขึ้นชั้น โดยก่อนหน้าเคยอยู่ในฐานะผู้เช่าโต๊ะบาคาร่าตามบ่อนใหญ่ต่างๆ รวมทั้งบ่อนพระราม 3 หรือ "บ่อนเสี่ยตี้" ที่เคยมีเหตุยิงกันตายคาบ่อน 4 ศพ
แต่ด้วยความแรงของกระแสจีนเทา จากอาหารจานโอชะกลับเป็นสิ่งต้องห้าม “บิ๊กตำรวจ” ก่อนโยกนายพลจึงเซย์โน แต่มาประสบผลสำเร็จเมื่อถึงยุค พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก สลับมาเป็น ผบช.ภ.1 คนใหม่
อย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าเบื้องหลังของการบุกจับบ่อนจีนเทาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่ตำรวจภาค 1 ปล่อยให้เล่นสำราญใจกันมานานถึง 1 เดือนเต็มนั้น เกิดจากอะไร บ้างก็ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า บ้างก็ว่าเป็นแผนเลื่อยขาเก้าอี้ บ้างก็ว่าจับผิดคิวเพราะไม่คิดว่าจะเป็นบ่อนใหญ่โตขนาดนี้
แต่ประเด็นที่น่าสนใจสุดกลายเป็นว่ามีคนเห็นเงาแว๊บๆ ของ “หยางเฉิน”หลานชาย "ตู้ห่าว" กับเครือข่าย เป็นผู้ออกทุนให้กับ "เสี่ยเหยี่ยว" ซึ่งรับเป็นหน้าเสื่อ เดินเคลียร์บรรดาสีกากีเจ้าของพื้นที่ รวมทั้งได้ประสานกับ"เสี่ย จ." ผู้กว้างขวางเมืองนนท์ อีกแรงคอยกำกับดูแลไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมโดยมีหลักการว่าบ่อนต้องเป็นความลับจริง!!
ขณะที่ต้องรับลูกค้าเฉพาะชาวจีน ที่มีฐานะร่ำรวย ประเดิมแทงบาคาร่าเปิดต่ำสุดที่ 2 แสนบาท อั้นสูงสุด 2 ล้านบาท
ถึงตรงนี้อาจแย้งว่า แล้วผู้ต้องหานักเล่นที่เป็นคนไทยล่ะ ขออนุญาตหัวร่อ เพราะทั้งหมดคือคนงานพม่าบ้าง ลาวบ้าง เขมรบ้าง เรื่องนี้เป็นที่รู้กัน ใช่วาจะมาตบตากันง่าย
สรุปประเด็นที่นำเสนอคือ บ่อนจีนเทา ณ โรงแรม 4 ดาวงามวงศ์วานแห่งนี้คือบ่อน “จินหลิง ซีซั่น2” ไม่ว่าใครจะแก้ตัวอย่างไร อ้ำๆ อึ้งๆ กันอย่างไร หรือจะโยนให้ "5 เสือรัตนาธเบศร์" เป็นแพะรับบาป แล้วมาช่วยแก้กันทีหลังตาประเพณีอันดีงามของวงการสีกากี ก็ควรเขินๆ อายๆ กันบ้าง เพราะ"บ่อนมหึมา"ขนาดนี้ ระดับบิ๊กของภาค 1 ต้องให้ไฟเขียวส่งสัญญาณไม่ยังงั้นจะเปิดได้ยังไง!!
**เทียบฟอร์ม “นราพัฒน์-มาดามเดียร์” ระเบิดศึกชิงหัวหน้าพรรคปชป. คนที่ 9 วันที่ 9 ธ.ค.นี้
การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ แทน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อดีตหัวหน้าพรรคที่ลาออกไป จะมีขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
คู่ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ขณะนี้ มีอยู่ 2 คนคือ “นราพัฒน์ แก้วทอง” รักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ กับ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ของพรรค
“นราพัฒน์ แก้วทอง” ชื่อเล่น “ตุ้ม” ปัจจุบันอายุ 54 ปี เป็นบุตรชายคนโตของ “ไพทูรย์ แก้วทอง” อดีต รมว.แรงงาน, อดีต รมช. อุตสาหกรรม,อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต สส.พิจิตร หลายสมัย เรียกได้ว่า“เสี่ยตุ้ม” เป็นลูกชายของบ้านใหญ่เมืองพิจิตร คนหนึ่ง
เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี ม.รามคำแหง, ปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) จาก National University สหรัฐอเมริกา
เคยทำงานเป็นสมุห์บัญชี บริษัทเพชรพล จำกัด เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทสระหลวงก่อสร้าง จำกัด เป็นกรรมการผู้จัดดการ บริษัท ก นราพัฒน์ จำกัด
แต่งงานกับ “อุมาพร แก้วทอง” (สกุลเดิม บุญนาน) มีบุตรด้วยกัน 2 คน กิจกรรมที่เป็นความชื่นชอบส่วนตัว คือ การตกปลา และติดตามชมฟุตบอลต่างประเทศ โดยมี “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นทีมโปรด
เข้าสู่การเมืองเมื่อปี 2544 โดยลงสมัครที่ เขต 2 พิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของ “ไพฑูรย์” ผู้เป็นพ่อ ซึ่งต้องขึ้นไปสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ และชนะการเลือกตั้งได้เป็น สส.ครั้งแรก ... ต่อมาปี 2550 ปี 2554 ก็ได้เป็น สส.พิจิตร ต่อเนื่อง
ปี 2562 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ และลงเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จนเมื่อปี 2565 นายอภิชัย เตชะอุบล ได้ขอลาออกจากการเป็นสส.บัญชีรายชื่อ “นราพัฒน์” จึงได้ขยับขึ้นเป็น สส. ส่วนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2566 เป็นผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 7 ไม่ได้เป็นสส.
การลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ “นราพัฒน์” บอกว่า จะขอเป็นคนกลาง ประสานผู้อาวุโสของพรรคกับคนรุ่นใหม่ จัดโครงสร้างพรรคใหม่ ให้ทันสมัยต่อโลก และให้พรรคมีเอกภาพ โดยขอเวลาปีครึ่ง ปรับทุกสิ่งทุกอย่างให้ลงตัว เพื่อส่งมอบให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่มีฝีไม้ลายมือได้สานต่อ
ด้าน “วทันยา บุนนาค” คู่ชิงที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ชื่อเล่น “เดียร์” อายุ 39 ปี จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีดีกรีด้านความงาม เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 61
สมรสกับ “ฉาย บุนนาค” ประธานธรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nation Group ค่ายสื่อยักษ์ใหญ่ย่านบางนา มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คน
“มาดามเดียร์” เคยเป็นกรรมการบริษัทประกอบธุรกิจสื่อ 4 แห่ง เคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต่อมาได้ขายหุ้นบริษัทสื่อมวลชนทั้งหมด และลาออกจากกรรมการบริษัท ก่อนจะยื่นใบสมัคร เข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ
เคยได้รับแต่งตั้งจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยในปี 2560 สามารถพาทีมชาติไทย คว้าเหรียญทอง ฟุตบอลชายอายุไม่เกิน 23 ปี กีฬาซีเกมส์ 2017 โดยชนะเจ้าภาพ มาเลเซีย 1-0 ... นอกจากนี้ โดยส่วนตัวเธอยังเป็นสาวกของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
เมื่อ “มาดามเดียร์” ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมือง เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 19 ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และได้มีโอกาสได้เข้ามาทำหน้าที่ สส.ในสภา
แม้จะเพิ่งเป็น สส.สมัยแรก แต่เธอก็มี “บารมี” พอที่จะขึ้นเป็นแกนนำ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ มี สส.กรุงเทพฯ 5 คน เป็นสมาชิก และเคยนำสมาชิกในกลุ่ม โหวตสวนมติพรรค ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 64 โดยงดออกเสียงไว้วางใจ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ... ตามด้วยงดออกเสียงไว้วางใจ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายครั้งต่อมา โดยยกเหตุผลจากปัญหาจัดการวัคซีนล้มเหลว-ไร้แผนรองรับ
ในช่วงปลายสมัยรัฐบาลลุงตู่ “มาดามเดียร์” ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ทิ้งตำแหน่งสส. แล้วไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.65
“มาดามเดียร์” ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ของพรรค และดูแลการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
การลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ เธอบอกว่า จะขอนำพาพรรคก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ เอาคนที่มีความสามารถมาฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาเป็นที่รัก และศรัทธาอีกครั้ง
ถ้า“มาดามเดียร์” ได้รับฉันทามติจากสมาชิกพรรค เธอก็จะเป็นหัวหน้าพรรคหญิงคนแรกของพรรคประชาธิปัตย์ และถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เจนเนอเรชัน เดียวกับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน ในสนามการเมืองคงมีสีสันชวนให้ติดตาม
เทียบฟอร์มแล้ว “นราพัฒน์” กับ “มาดามเดียร์” ต่างมีจุดเด่นกันทั้งคู่ คนหนึ่งแก่พรรษา แต่อีกคนก็ไม่ใช่ละอ่อน ทางการเมือง
ดังนั้น ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เชื่อว่าคงเร้าใจ ไม่ต่างจาก “ศึกแดงเดือด” แมนยูฯ -ลิเวอร์พูล ที่ทั้งคู่ต่างเป็นสาวกอยู่
