หน.ไทยก้าวหน้า ไม่กลัวทัวร์ลง อ้าแขนรับ “ปูอัด” เข้าสังกัด หวังให้โอกาสทำงานพิสูจน์ตัวเอง เชื่อสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ แถมนโยบายต้านยกเลิก ม.112 ตรงกัน เตรียมหารือผลักดันกฎหมาย หวังยกระดับอาชีพ รปภ.
วันนี้ (29 พ.ย.) นายวัชรพล บุษมงคล หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า (ทกน.) กล่าวถึงกรณีที่ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกพรรค ว่า นายไชยามพวาน ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกด้วยตนเองเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนเหตุผลที่เขาเข้าสังกัด จากการพูดคุย คือ ชอบชื่อพรรค และก่อนหน้านี้ มีความคิดว่าอยากจะจดทะเบียนตั้งพรรคร่วมกับนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ส่วนเหตุผลที่พรรครับเข้าสังกัด เพราะเห็นความตั้งใจทำงาน เป็นคนรุ่นใหม่และทำประโยนชน์ให้สังคมประเทศชาติได้ ส่วนเรื่องคดีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหา ถูกการพิพากษาทางสังคมไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมเชื่อว่า เขาจะมีการปรับเปลี่ยน เพราะเขาได้รับบทเรียน เป็นความเข็ดหลาบแล้ว
“เขาได้พูดข้อเท็จจริงให้ฟัง และฟังแล้วมีเหตุ เพราะไม่ใช่เป็นโดยนิสัยของเขา ส่วนหนึ่งสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ ถือว่าเป็นการให้โอกาสเขาที่ทำงานการเมือง ไม่ใช่ว่าปิดโอกาสหรือประหารชีวิตทางการเมืองของเขา ไม่เป็นธรรมกับเขา ต้องให้โอกาสทำงานการเมืองต่อไป” นายวัชรพล กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคไม่กลัวทัวร์ลงหรือ เพราะอาจถูกมองว่าให้โอกาสคนที่คุกคามทางเพศ นายวัชรพล กล่าวว่า ถ้าฟังข้อเท็จจริงที่เขาพูดให้ฟัง ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะเขาระบุว่า รู้จักกันมาก่อน มีความชอบพอกันด้วยส่วนหนึ่ง แต่เราไม่ได้ล้วงลึกรายละเอียด ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า อยู่ในวัยแบบนี้ ปัญหามีบ้าง เชื่อว่า หลังจากนี้ เขาจะได้รับบทเรียน เพราะถูกคำพิพากษาจากสังคม เป็นบทเรียนของเขา ที่ผ่านมา คนที่ต้องคดีที่หนักหนาสังคมให้โอกาส ดังนั้น พรรคให้โอกาสเขาทำงานการเมือง พิสูจน์ตัวเองในการทำงานการเมือง ดังนั้น ทัวร์จะลงหรือไม่ ตนพร้อมอธิบายว่า พรรคมีเหตุผลในการพิจรณา ไม่ใช่ว่ารับมาทุกอย่าง ทุกเรื่อง ส่วนเรื่องนี้ไม่ถือว่าสิ้นสุดหรือกกระบวนการพิจารณาไม่ใช่ศาล เป็นเรื่องของทางพรรค เป็นเรื่องมารยาท ซึ่งไม่ถึงขนาดหนัก ที่จะไม่ให้เขามีที่เดิน ดังนั้น พรรคจึงให้โอกาสเขา เชื่อว่า เขาจะทำประโยชน์ให้สังคม ชาติบ้านเมืองได้ต่อไป
เมื่อถามถึงวาระหรือนโยบายของพรรคที่จะผลักดัน เมื่อมี ส.ส.ในสภา นายวัชรพล กล่าวว่า ในวันที่ 30 พ.ย. ได้นัดพูดคุยกับนายไชยามพวาน ถึงแนวทางการทำงานร่วมกันโดยนโยบายพรรคมีความชัดเจน ว่า ต้องการแก้ปัญหาอะไร ทั้งนี้ ตนมีพื้นฐานมาจากภาคแรงงาน เป็นนายกสมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย และร่วมเป็นคณะทำงานไตรภาคีมาก่อน จึงต้องการยกระดับวิชาชีพ อาชีพที่สังคมถูกดูแคลน ทั้ง แม่บ้าน รปภ. คนสวน ดังนั้น ต้องสร้างความเป็นธรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรและทุกสาขาอาชีพ แก้ปัญหาภาคสังคม ความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เมื่อพรรคมี ส.ส. เป็นตัวแทนของพรรคนำเสนอปัญหาต่อสภา เชื่อว่า สังคมจะได้ประโยชน์
เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองเดิมของนายไชยามพวาน ต่อการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายวัชรพล กล่าวว่า “ผมถามเขาเป็นคำแรก เขาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก หรือแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้น ผมมองแล้วไปกันได้ เพราะพรรคมีนโยบายแบบเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112”