วันนี้(27 พ.ย.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเมืองในปีหน้าว่า จะเข้มข้นไม่น้อยไปกว่าการเลือกตั้งใหญ่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมือง ที่หลายคนจับตาความเคลื่อนไหวก่อนสมาชิกวุฒิสภาซึ่งกำลังจะหมดวาระลงในเดือนพฤษาคมปีหน้า ดังนั้นจึงต้องติดตาม 2 เรื่องซึ่งถือเป็นปัจจัยทางการเมือง นั่นคือ ความเคลื่อนไหวของ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกเรื่องคือผลพวงจากคำพูดของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่หลุดกลางที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ในทำนองว่ามีการล็อบบี้ขอตำแหน่งผู้กำกับให้กับคนของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลการเมืองรวมทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่า นายเศรษฐา ไม่มีกุนซือข้างกาย ทำให้เกิดเหตุหลุดคิวบ่อยครั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ในสายตาประชาชนที่จะลดน้อยถอยลง
อีกทั้ง ผลการสำรวจความพึงพอใจต่อผลงานรัฐบาลชุดนี้ ประจำเดือนพฤศจิกายน ชี้ชัดว่า ไม่มีนโยบายใดเป็นที่พึงใจประชาชนสูงถึง 46.12% ส่วนนโยบายอื่น เช่น การลดราคาน้ำมัน บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ดิจิทัลวอเลต การแก้หนี้นอกระบบ ปรับลดหนี้ครัวเรือน หรือ หนี้ กยศ. ก็ไม่มีสิ่งใดที่ประชาชนสนใจเกิน 20% ดังนั้นโยบายที่ชาวบ้านไม่พอใจถึง 46.12% ตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของนายเศรษฐา ทวีสิน อย่างแน่นอน
“ใครอ่านสามก๊ก ต้องรู้จัก สุมาอี้ ถ้ารู้จักสุมาอี้ จะเข้าใจ กลยุทธ์นี้ แต่เกมส์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้านายกนิด มีกุนซือข้างกายที่ดีแบบ ขงเบ้ง ถึงจะอยู่รอดปลอดภัย แต่เท่าที่ดูเวลานี้ยังไร้กุนซือแบบขงเบ้ง อยู่ข้างกาย นายกเศรษฐา ไม่งั้นคงไม่หลุดคิวบ่อยแบบนี้ ถ้าประชาชนมองเข้ามาใน คณะรัฐมนตรีชุดนี้ ทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ล้วนอ่อน และ ใช้คนไม่ถูกกับงานทั้งสิ้น ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้วันลอยกระทง จะมีพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนใด เอานายกฯไปลอยกับกระทงด้วย จะได้มี นายกฯคนที่ 31 มีรัฐบาลใหม่ มีรัฐมนตรีใหม่ที่ทำงานให้กับประชาชนได้เต็มที่”นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อมั่นว่าจากสถานการณ์การเมืองเหล่านี้ จะทำให้ก่อนเมษายนจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างแน่นอน และอาจจะเร็วไปกว่านั้น หากนายเศรษฐายังยืนกรานปักหลักนอนทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิมอีก เพราะนั่นอาจเป็นตัวแปรผันทำให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเร็วยิ่งขึ้น
