นายกฯ ปาฐกถาพิเศษหอการค้าไทย โอ่ เดินสายต่างประเทศมาถูกทาง ชวนนักลงทุน ลั่น ลมปากอย่างเดียวดึงดูดไม่ได้ กลางเดือนหน้ามีคิวไปญี่ปุ่นต่อ
วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องภิรัชฮอลล์ 1-3 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ถนนเทพรัตน (กม.1) เขตบางนา กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รวม.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ตอนหนึ่ง ว่า วันนี้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เตรียมสคริปต์ให้พูดแต่ก็ยังไม่โดนใจมาก เพราะเป็นการเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ได้พบผู้นำและนักธุรกิจระดับโลกจำนวนมาก จึงจะขอนำเรื่องที่ได้ไปพบมา มาพูดในวันนี้ โดยเรื่องแรกดิจิทัลวอลเล็ต มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแต่จริงๆแล้วปัจจัยหลักเหลือแค่เร่งด่วนจำเป็นหรือไม่วิกฤติหรือ มีบางคนเห็นว่าไม่เร่งด่วนไม่จำเป็นไม่วิกฤติ แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วน และสภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะวิกฤติ หากบอกว่า วิกฤติจีดีพีต้องติดลบก็พูดถูกถ้าแบบนั้น แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมาก ย้อนกลับไปดูจีดีพีของประเทศคู่แข่งของเราโดยเฉพาะ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เท่าไหร่ในปีที่ผ่าน เมื่อเปรียบเทียบกับเรา แต่ตนเชื่อว่าเราสามารถไปได้อีก 9 ปี 10 ปีที่ผ่านมาตัวเลขการเฉลี่ยของไทยต่ำกว่า 2% อยู่ที่ 1.8% จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาแล้วต้องทำให้ได้ สองเดือนที่ผ่านมาจัดการไปแล้วพักหนี้เกษตรกร ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน รวมไปถึงการฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เราดำเนินการ
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ รัฐมนตรีทุกท่านทำงานหนักลงรายละเอียดทุกเม็ดเพื่อก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ ดิจิทัลก็เป็นนโยบายหนึ่ง ยืนยันเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นการโน้มน้าว พร้อมยืนยันหลังจากที่ได้ไปประชุมเอเปคทุกประเทศอยากมาลงทุนในไทย แม้เราจะเป็นประเทศเล็กแต่ก็มีเอกราชและมีจุดยืนในการค้าขายมาตลอด และหลังจากที่ตนเองเดินทางไปหลายประเทศทั้งในอาเซียนและสหรัฐอเมริกา เป็นที่ประจักษ์ว่าประเทศไทยเป็นที่ต้องการของชาวโลก ทุกคนอยากมาลงทุนในประเทศไทย หรืออย่างน้อยก็มีประเทศไทยเป็นตัวเลือก พร้อมย้ำว่าการเดินทางไปต่างประเทศประเทศไทยไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดแต่มาเพื่อค้าขาย มีมาตรการต่างๆมากมายที่จะรองรับนักลงทุน เช่น มาตรการด้านภาษี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องของ FTA ประเทศไทยมีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก ยังคงล้าหลังอยู่ ดังนั้น เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่จะเดินหน้าเรื่องนี้กับนานาประเทศ
“ลมปากอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนได้แต่ต้องเดินทางไปพูดคุยและเจรจาและทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แม้หลายคนอาจจะมองว่าการไปประชุมเอเปคไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง แต่ผมไม่มองอย่างนั้น ประเทศไทยสามารถก้าวไปได้อีก ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็สนับสนุนเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย แต่จะทำแบบนั้นได้ต้องอาศัยหลายปัจจัย รัฐบาลจึงต้องมีการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของการคมนาคม มีการขยายสนามบินในพื้นที่เมืองรอง จึงอยากให้ภาคเอกชนเสนอว่าต้องการการสนับสนุนอะไรจากรัฐบาล ยืนยันการพัฒนาเมืองรองเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้จะทำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนหน้าจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนเจแปน พูดอย่างไม่อายว่าเราเป็นหนี้บุญคุณญี่ปุ่นอยู่ เพราะตลอด 50 ปี ญี่ปุ่นเป็นประเทศ ที่มีฐานผลิตอยู่ในไทยมากที่สุดประเทศหนึ่ง ดังนั้น การเดินทางไปครั้งนี้ก็จะไปแสดงความพร้อมของไทยและจะสนับสนุนในทุกด้านสำหรับการลงทุนในไทยของญี่ปุ่น รวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าฟรีให้กับนักธุรกิจญี่ปุ่น และยินดีที่จะนำนักลงทุนของไทย ร่วมคณะไปกับรัฐบาล ในการเดินทางเยือนต่างประเทศเพื่อพบกับนักธุรกิจในประเทศนั้นๆ ประเทศไทยเปิดแล้ว พวกท่านพร้อมไหมครับถ้าพร้อมแล้วไปด้วยกันครับ