ปลัดกระทรวงคมนาคม เชื่อ ต่างชาติสนใจ “โครงการแลนด์บริดจ์” พร้อมออกกฎหมายพิเศษ เอื้อนักลงทุน ยันไทยได้ประโยชน์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พ.ย. 2566 (ตามเวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวระหว่างร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงการเตรียมโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ ว่า ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นนานพอสมควรและมีการพูดคุยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลที่แล้วให้ศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ หรือโลเกชันที่ได้เปรียบ เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล ได้แก่ ฝั่งทะเลจีนใต้ และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะมีการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังโรงงานในผลิตใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เมื่อผลิตเสร็จสินค้าส่วนหนึ่งจะข้ามไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก
นายชยธรรม์ กล่าวว่า อีกส่วนจะวกกลับผ่านช่องแคบมะละกาไปทางยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลาง จึงมีโลเกชันที่ได้เปรียบ อีกทั้งสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกามีจำนวนมากขึ้น และในอนาคตอาจจะมีปัญหาการส่งสินค้าได้ จึงเป็นจังหวะที่ประเทศไทยได้เปรียบ หากสามารถดึงสิ่งที่อยู่ในเส้นทางเดินเรือโลกมาผ่านประเทศไทยได้ โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เส้นทางการขนส่งสินค้าสั้นลงประมาณ 5-10 วัน และหากได้ทำโรดโชว์โครงการนี้ให้คนเห็น และมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยก็มีโอกาสที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้และประเทศไทยจะได้ประโยชน์
นายชยธรรม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่นายกฯ พูดในหลายๆ เวที ก็มีหลายประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลที่มาโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกา สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ เพื่อต้องการมารับฟังความเห็นของนักลงทุน ว่า ถ้าต้องการมาลงทุนในประเทศไทย มีปัจจัยอะไรที่ต้องการ และให้เราเตรียมให้ โดยมุมหนึ่งในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ คือ เรื่องกฎหมาย จะต้องมีกฎหมายพิเศษที่เป็นลักษณะเดียวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีซีซี ) จากนั้นจะนำความเห็นจากการโรดโชว์ไปประมวลว่าสิ่งใดสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หรือมีอะไรที่จะต้องเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว่า จะต้องคุยกันว่าเขามีความประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โครงการแลนด์บริดจ์ นอกจากจะนำเรือเดินสินค้ามายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่นายกฯ มอง คือ ให้เขามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์แล้วส่งออก ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่างๆ ถูกลง อีกทั้งลดระยะเวลาการเดินทาง และสิ่งนี้จะทำให้โครงการแลนด์บริดจ์น่าสนใจมากขึ้น
เมื่อถามถึงเป้าหมายของนักลงทุนจะเป็นต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นั่นคือ สิ่งที่เรามอง โดยเรามองว่าเมื่อสร้างเสร็จต้องมีคนมาใช้ ดังนั้น คนที่จะมาลงทุนจะต้องเป็นคนที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเกิดได้เมื่อไร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังโรดโชว์เสร็จสิ้น ก็จะกลับไปประมวลว่า จะต้องทำกฎหมายพิเศษอย่างไร เมื่อทำเสร็จแล้วจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปี จะมีความชัดเจน โดยในกรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงานและคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง โดยจะมีการรายงานนายกฯ โดยตรง สำหรับเป้าหมายประเทศที่อยากให้มาลงทุนในโครงการดังกล่าว มีทั้งตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกา