ทัพเรือเบี้ยว ชี้แจง กมธ.ทหาร กรณีเรือดำน้ำ อ้างอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน ด้าน กมธ.จ่อเรียก รมว.กลาโหม-ทัพเรือ ชี้แจงอีกครั้งสัปดาห์หน้า
วันนี้ (26 ต.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญตัวแทนจากกองทัพเรือเข้าชี้แจงผลการดำเนินการใน 2 กรณี คือ ความคืบหน้าการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง และผลการดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T โดยในกรณีการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัย กองทัพเรือได้จัดคณะผู้แทนเข้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อ กมธ. นำโดย พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล รองเสนาธิการทหารเรือ แต่ในกรณีโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T กองทัพเรือส่งหนังสือชี้แจงมายัง กมธ.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมและจัดทําข้อมูลสรุปในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีรายละเอียดที่ชัดเจน ครบถ้วน และเพียงพอต่อการนําเสนอ จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลกับ กมธ.ในการประชุมครั้งนี้ได้ แต่จะเร่งรัดดำเนินการจัดทำข้อมูลดังกล่าวให้เสร็จโดยเร็ว
ในเมื่อยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากกองทัพเรือ นายวิโรจน์ จึงร่วมหารือในที่ประชุม กมธ.ถึงประเด็นข้อกังวลต่างๆ โดยเฉพาะข้อเสนอการเปลี่ยนเรือดำน้ำ S26T เป็นเรือฟริเกต จะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร จะกระทบต่อยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือหรือไม่ อีกทั้งกองทัพเรือยังมีโครงการจัดหาเรือคู่แฝดให้กับเรือฟริเกตในกองเรืออยู่แล้ว หากเปลี่ยนการส่งมอบเรือดำน้ำ S26T เป็นเรือฟริเกตจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนหรือไม่ โดย กมธ.ได้สรุปออกมาเป็นคำถาม 9 ข้อ และเตรียมส่งหนังสือเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และตัวแทนจากกองทัพเรือให้เข้ามาตอบคำถามดังกล่าวอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ด้าน นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กรุงเทพฯ (จตุจักร-หลักสี่) พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร เสนอให้มีการส่งหนังสือทวงถามการเปิดเผยสัญญาซื้อขายเรือดำน้ำแบบ G2G หรือรัฐต่อรัฐ ไปยังกองทัพเรือ เพื่อพิจารณาค่าปรับและรายละเอียดต่างๆ ในสัญญาซื้อขาย รวมถึงหนังสือโต้ตอบคู่สัญญากรณีไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำตามสัญญาได้
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประชุม กมธ.การทหาร เมื่อเวลา 12:40 น. นายชยพล แถลงข่าวที่รัฐสภา โดยแสดงความกังวลต่อผลกระทบและความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนที่มีต่อกองทัพเรือ พร้อมระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายแบบ G2G ต้องขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา จึงไม่มีความจำเป็นที่จะปกปิดสัญญาดังกล่าวจากสาธารณชน โดยยืนยันว่า คณะกรรมาธิการการทหารไม่มีเจตนาเชิงลบต่อการทำงานของกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ แต่ต้องการตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องและชัดเจนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ