“เศรษฐา” ปลุกนักลงทุนต่างชาติ ย้ำ ประเทศไทยเปิดแล้ว รับติดบ่วงสงครามอิสราเอล คาดการณ์ทิศทางศก.ลำบาก ยัน ทำเต็มที่ทุกระยะ สั้น-กลาง-ยาว
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.50 น. ที่ห้อง Crystal Ballroom ชั้น 3 โรงแรม The Athenee ถนนวิทยุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมประชุมโต๊ะกลม และกล่าวปาฐกถาในงาน AMCHAM's Annual General Meeting ถึงความมั่นใจในการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ในประเทศไทย ว่า วันนี้มาพูดในเวที AMCHAM's ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่นายกฯมาพูดในงานนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ติดสถานการณ์โควิด ขอย้ำว่า เวลานี้ประเทศไทยเปิดแล้วถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาลงทุน ตนมาในวันนี้เพื่อมาให้ความมั่นใจและสบายใจ มีอะไรบ้างที่เราจะดูแลเรื่องสิทธิพิเศษ เพื่อให้เขาไม่ต้องห่วงว่าถ้ามาลงทุนที่นี่เราจะดูแลทุกอย่างทั้งระบบการศึกษา และสาธารณูปโภค
ส่วนในเรื่องการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตนได้พูดในเวทีด้วยว่า เรามีมาตรการสนับสนุนในการประกอบรถยนต์อีวี อย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องดูแลพาร์ทเนอร์เก่าอย่างรถสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่รถสันดาปในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า จากการที่เข้ามาเป็นนายกฯ และรู้ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจดี คิดว่า เศรษฐกิจประเทศไทยจะขยับตัว ในห้วง 2-3 เดือนนี้ไปในทิศทางอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าในช่วง 2-3 เดือนนี้ อาจจะพูดลำบาก เพราะยังอยู่ในช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสแต่ก็ต้องดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งเราทำอย่างเต็มที่ทั้งระยะสั้นกลางและยาว และเราจะต้องดูว่าสงครามที่เกิดขึ้นจะมีการขยายตัวหรือไม่ ถ้าไม่มีการขยายตัวช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ไฮซีซั่น ก็จะสามารถช่วยเศรษฐกิจได้ดี
เมื่อถามว่า จากการพูดคุยกับนักธุรกิจมีข้อห่วงใยอะไรบ้างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนไม่มีใครแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ และมีบางบริษัทที่อยากจะเข้ามาตั้งโรงงานในไทย เขามาขอสิทธิพิเศษด้านภาษี ซึ่งก็มีการพูดคุยกันว่าในเดือนหน้าที่ตนจะไปประชุมเอเปกที่สหรัฐอเมริกา จะไปพบปะพูดคุยเรื่องนี้ต่อ