xs
xsm
sm
md
lg

“ธรรมนัส” นำทีมลุยลพบุรี ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธรรมนัส” นำทีมลุยลพบุรี ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักฯ พร้อมมอบหมายกรมชลฯ บริหารจัดการน้ำอุปโภค -บริโภค รักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม และการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

วันนี้ (19 ต.ค.66) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี เพื่อตรวจราชการและรับฟังปัญหาของประชาชน พร้อมมอบนโนบายแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมีนายชูชาติ รักจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน และผู้เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

สำหรับลุ่มน้ำป่าสัก มีพื้นที่ประมาณ 9.764 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.18 ของพื้นที่ประเทศ บริเวณตอนบนของลุ่มน้ำมีเทือกเขาเพชรบูรณ์ล้อมรอบทั้ง 3 ด้าน ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวลาดสู่ภาคกลางของประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดเลย จนถึงจังหวัดลพบุรี ตอนล่างเป็นที่ราบลุ่มบริเวณจุดบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยามีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน มีลำน้ำสาขาแยกทางทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นจำนวนมาก พื้นที่รับน้ำมีขนาดเล็ก ประกอบกับพื้นที่ราบเพื่อการพัฒนาเป็นโครงการชลประทานอยู่ในระดับที่จำกัด

สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบัน (19 ต.ค.66) มีปริมาณน้ำใช้การได้ 871 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 91 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 86 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้มีการวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ โดยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำป่าสักเพิ่มเติม เนื่องจากลำน้ำสาขาในลุ่มน้ำป่าสักมีปริมาณมากในขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีศักยภาพรับน้ำได้เพียง 960 ล้าน ลบ.ม. โดยได้ศึกษาแผนงานโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาแหล่งน้ำตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก จำนวน 19 โครงการ ซึ่งหากพัฒนาเต็มศักยภาพครบทุกโครงการจะสามารถเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำป่าสักได้ รวมทั้งหมด 1,522.22 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 62.62 ของปริมาณน้ำท่าทั้งหมด และเพิ่มพื้นที่ชลประทานเป็น 901,063 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 16.06 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด

ในการนี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม และการเกษตร ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น