เมืองไทย 360 องศา
สงครามระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์กลุ่มฮามาส ที่กำลังทวีความรุนแรง และเสี่ยงที่จะขยายวงลุกลามในตะวันออกกลาง ถือว่าเป็น “ข่าวร้าย” ล่าสุด ที่ส่งผลกระทบมาถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และประเทศไทย รวมถึงคนไทยโดยรวมทั้งทางตรงและทางอ้อมแบบเลี่ยงไม่พ้น
แน่นอนว่า สำหรับคนไทยก็คือผลกระทบต่อแรงงานไทยที่ไปรับจ้างในประเทศอิสราเอล และอยู่ในพื้นที่สู้รบ มีคนไทยเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกันยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งทุกอย่างยังไม่อาจยืนยันตัวเลขความสูญเสียอย่างเป็นทางการได้ ต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด และระมัดระวัง
อีกทั้งที่กลายเป็นความเสี่ยง และถูกวิจารณ์ไม่น้อย ก็คือ การทวีตในเพจ x ของ นายเศรษฐา ทวีสิน กลับด่วนประณาม “กลุ่มฮามาส” ในทันที
“ผมขอประณามการโจมตีอิสราเอล การโจมตีที่ไร้มนุษยธรรม ที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ
และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลและประชาชนอิสราเอล
เหตุการณ์นี้ไม่สมควรเกิดขึ้น และผมขอร่วมกับประชาคมโลก ประณามการกระทำดังกล่าว
ผมได้สั่งการให้กองทัพอากาศเตรียมพร้อมเครื่อง Airbus A340 และ C-130 อพยพคนไทยออกจากอิสราเอลทันที
ทาง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รับทราบและพร้อมปฏิบัติการ
ผมติดตามสถานการณ์ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และมีความกังวลใจที่เห็นรายงานเข้ามาว่ามีแรงงานไทยถูกจับไป 2 คน หรือมากกว่า
ตอนนี้กำลังยืนยันข้อมูลจากทางการอิสราเอลอยู่ ทางกองทัพและหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เตรียมความพร้อม ผมต้องการให้คนไทยทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยครับ”
นั่นคือ ข้อความการ “ประณามการโจมตีอิสราเอล” ซึ่งความหมายก็คือ “ประณามกลุ่มฮามาส” นั่นเอง ซึ่งหลายฝ่ายที่เข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ออกมาตำหนิทันทีว่าไม่สมควรทำแบบนั้น เพราะเป็นการด่วนสรุป และไม่เป็นผลบวกกับประเทศไทย โดยเฉพาะต่อชะตากรรมของแรงงานไทย ที่กำลังถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่รู้ชะตากรรม ทำให้เกิดความยุ่งยากในการประสานงานเจรจาให้ปล่อยตัว
แม้ว่าหลังจากนั้นทางฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ จะออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติความรุนแรง และย้ำท่าทีของไทยในเรื่อง “ความเป็นกลาง” ก็ตาม ซึ่งผลจากข้อความดังกล่าวข้างต้นของนายกรัฐมนตรี ยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะเกิดผลกระทบตามมาหรือไม่ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า บางอย่างที่ “ละเอียดอ่อน” จะปากไวไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเขาพูดในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ใช่สถานะส่วนตัว
แต่ขณะเดียวกัน สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นนอกเหนือจากนี้ จากสงครามก็คือ ผลกระทบทางด้าน “ราคาพลังงาน” ซึ่งกำลังพุ่งสูงขึ้น ยิ่งสูงขึ้นไปอีก หากสงครามและความขัดแย้งครั้งนี้ขยายวงกว้าง หรือยืดเยื้อ โดยแนวโน้มน่าจะยืดเยื้อ เพราะแต่ละฝ่าย ต่างมีท่าทีแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีเจตนาทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายแบบย่อยยับกันไปเลย
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสกันที่รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน งานนี้อาจเรียกว่า โชคไม่ดีเอาเสียเลย เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ “กราดยิงที่พารากอน” และจากเหตุการณ์อันน่าสลดคราวนั้นอย่างที่รู้กันก็คือ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต ส่งผลให้เกิดผลกระทบด้านจิตใจ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวดังกล่าว ทั้งที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เพราะรัฐบาลเพิ่งประเทศ “ฟรีวีซ่า” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบเพียงไม่กี่วัน
จากเหตุการณ์กราดยิงที่มีชาวจีนเสียชีวิต ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในโซเชียลฯของจีนค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย แม้ว่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเยาวชนไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเมืองก็ตาม แต่ก็ทำให้บรรยากาศสะดุดลงไปไม่น้อยเหมือนกัน แน่นอนว่า ย่อมกระทบต่อเป้าหมาย และรายได้ของการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องการเร่งมือ “หารายได้” เข้ามาอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นฟันเฟืองหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง ในแบบที่ไม่คาดคิด
ขณะเดียวกัน เวลานี้ “นโยบายเรือธง” อย่าง “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่จะแจกให้กับคนไทยตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ราว 50 กว่าล้านคน ต้องใช้เงินจำนวน 5.6 แสนล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่กำลังถูกคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการสร้างความเสี่ยงให้กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ สร้างหนี้ให้ชาวบ้านสารพัด และคนที่ออกมาคัดค้าน ก็ล้วนเป็นระดับชั้นแนวหน้า นักเศรษฐศาสตร์ อดีตรัฐมนตรีคลัง แม้แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งในปัจจุบันและอดีต ล้วนประสานเสียงในทางเดียวกัน
ล่าสุด ก็เริ่มมีความเห็นจากประชาชนแล้วว่าอาจทำไม่ได้ ดังผลสำรวจที่ออกมาไม่กี่วันนี้ผลปรากฏว่า “ไม่เชื่อมั่น” มากกว่า และเชื่อว่าความไม่มั่นใจจะเพิ่มขึ้นอีก
ความเห็นเหล่านี้ ย่อมทำให้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน เดินหน้าได้ลำบากเหมือนกัน แต่นั่นไม่เท่ากับว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่า “ที่มา” ของเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าว จะนำมาจากไหน แม้ว่าบรรดากูรูหลายคนฟันธงว่า “ต้องกู้” แน่นอน แต่รัฐบาล ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าแน่นอน
จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ ที่ส่อเค้ายืดเยื้อและขยายวงกว้าง อาจส่งผลด้านราคาพลังงาน เหตุการณ์กราดยิงที่พารากอน และล่าสุดเสียงคัดค้านนโยบาย “แจกเงินดิจิทัล” ที่นับวันจะดังขึ้นจากทั่วทุกทิศ จนทำให้รัฐบาลยิ่งหาเงินลำบากขึ้นกว่าเดิม นี่ยังไม่นับปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มเห็นร่องรอยความขัดแย้ง ที่อาจปะทุได้ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะนอกเหนือจากกรณีของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แล้ว หากสังเกตให้ดีจะเห็นการ โพสต์ข้อความของสมาชิกพรรครุ่นเก่าบางคนที่วิจารณ์รัฐบาลแบบผิดสังเกต สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็น “ข่าวร้าย” สำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งที่เพิ่งเริ่มยังไม่ครบเดือนนัก !!