“ดร.นิว” ชี้ชัด ม.112 ไม่ใช่คดีการเมือง เป้าหมายนิรโทษกรรมของ “ก้าวไกล” เพื่อช่วย “เสี่ย น.” นายทุน #ตั๋วปารีส “โบว์” ลั่น ต้องไม่รวมคดี 112 พวกหมิ่นสถาบันควรขอพระราชทานอภัยโทษ “ส.ว.สมชาย” เชื่อ ล้างผิดให้เพื่อน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ต.ค.) จากกรณี ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดย นายชุยธวัชย ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคล ซึ่งทำผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. ....ต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยครอบคลุมคดี ม.112 ด้วยนั้น
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ม.112 ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นความผิดฐานมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการแอบอ้างสร้างความเสื่อมเสีย
ดังนั้น การผลักดันนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จึงมีเป้าหมายที่แท้จริงในการช่วยเสี่ย น. นายทุน #ตั๋วปารีส ให้พ้นผิดคดี ม.112 จากการจ้างอุ้มทวงหนี้โดยแอบอ้างสถาบันฯ ใช่หรือไม่?”
ขณะเดียวกัน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ขอแสดงความเห็นเบื้องต้นเกี่ยวกับ พรบ.นิรโทษกรรมฯ ที่มีการยื่นต่อประธานสภาวานนี้นะคะ
1. ไม่ควรรวมความผิดตามมาตรา 112 ไว้ในคดีที่เข้าข่ายการนิรโทษกรรมด้วย การกระทำที่เป็นการละเมิดต่อสถาบันฯจำนวนมากตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นอย่างย่ามใจด้วยการจงใจปลุกปั่นของคนบางกลุ่มทั้งในและนอกประเทศ จนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดและมีจุดตัดที่ตรงไหน คดีเหล่านี้ควรมีการชำระความผิด และ “ขอพระราชทานอภัยโทษ” หากไม่ต้องการรับโทษต่อ ไม่ใช่ให้ใครอื่นมาเป็นผู้ลบล้างความผิดให้
2. ควรมีมาตรการหรือแนวทางอันมีน้ำหนักที่สามารถทำให้สังคมมั่นใจได้ว่า “การนิรโทษกรรม” ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยในการหยุดการละเมิดอันเลยเถิดที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองได้จริงในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่เกินเลยจนกระทบการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองในสังคมเช่นการปิดคูหาเลือกตั้ง หรือการอ้างเสรีภาพในการแสดงออกเพื่อละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่นอย่างเป็นกิจวัตร
3. ส่วนตัวไม่สนใจที่จะได้รับการนิรโทษกรรม แม้เป็นหนึ่งในบุคคลที่เข้าข่ายการได้รับสิทธิในครั้งนี้หากร่างกฎหมายผ่านเพราะมีคดี ม.116 หลายคดีที่เป็นการตั้งข้อหาเพื่อข่มขู่ให้ยุติการเคลื่อนไหวจากการชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งในยุค คสช. ซึ่งคดีส่วนใหญ่ก็ “ยกฟ้อง” ไปแล้ว และมั่นใจว่าจะพ้นผิดทุกคดีที่เหลือเพราะไม่มีการกระทำผิดใดๆตามข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ดี ไม่คิดขัดขวางหากจะมีกระบวนการนิรโทษกรรมเกิดขึ้นค่ะ สังคมไทยเป็นสังคมที่ตั้งอยู่บนการประนีประนอมอยู่แล้ว เพียงแต่เราควรมั่นใจได้ว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นจะนำสู่การคลี่คลายปัญหาจากความขัดแย้งได้จริง ไม่ใช่ให้การปัดเป่าคดีนั้นเป็นเพียงจุดตั้งต้นของการให้ท้ายการละเมิดต่อไป”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า
“#ล้างผิดช่วยเพื่อน
#เริ่มนิติสงคราม
พรบ.นิรโทษกรรมก้าวไกล
#สุดซอย
#ล้างผิดทุจริต
#ล้มคดี112
#ชักฟืนหรือราดน้ำมัน”