xs
xsm
sm
md
lg

ชู “อุ๊งอิ๊ง” คุมรัฐบาล พท.สู้ก้าวไกล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าชัดเจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว สำหรับการผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป โดยขั้นตอนเพียงแค่การลงมติในที่ประชุมพรรค วันที่ 27 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการทางกฎหมายเท่านั้น

การเคลื่อนไหวที่มองเห็นภาพชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่ที่ “อุ๊งอิ๊ง” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยเรื่อง ซอฟต์เพาเวอร์ ที่มีบทบาทมากมาย และแม้ว่าคนที่เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้จะมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากรายชื่อกรรมการแต่ละคนแล้วล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยและใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวชินวัตร มานานทั้งสิ้น

ที่น่าสนใจ ก็มี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ และมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า ในการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทย วันที่ 27 ตุลาคม เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค( กก.บห.) ชุดใหม่ แทนที่ชุดเดิมที่ลาออกไป และมี ส.ส.จำนวนมาก สนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นำพรรคอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางของคนทั้งพรรค ประกอบกับเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาปรับให้พรรคเพื่อไทยทันยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกับการเมืองมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า น.ส.แพทองธาร จะรับหน้าที่หัวหน้าพรรคด้วยตนเอง ขณะที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะเข้ามาช่วยงาน น.ส.แพทองธาร ก็มีรายงานว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการปรับตัวครั้งใหญ่ให้เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่อย่างเต็มตัว เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งอีกครั้ง

ก่อนหน้านั้น ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) สนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรค พท. คนใหม่ ว่า ต้องขอขอบคุณมากๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเข้ามาในพรรคเพื่อไทยทุกคนในพรรคซัปพอร์ตดีมากๆ ตนมาจากภาคธุรกิจเมื่อเข้ามามีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ถึงแม้ว่าจะอยู่การเมืองกับคุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) มาเรื่อยๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ แน่นอนว่า ตนตั้งใจทำงานตรงนี้มากๆ ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

เมื่อถามว่า พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรค พท. หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอบคุณค่ะ

ถามย้ำว่า มีโอกาสเห็น น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนเต็มที่ ไม่ว่าจะโอกาสไหนก็ตาม ฉะนั้น ต้องรอมติคณะกรรมการบริการพรรค (กก.บห.) ก่อน เพราะเราจะไปแต่งตั้งตัวเองมันก็ไม่ดี ถามอีกว่า วันที่ 27 ต.ค.นี้ ในประชุมใหญ่วิสามัญพรรค พท. หากมีคนเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค จะตอบรับหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “รอเสนอค่อยว่ากัน“

ทั้งท่าทีและคำพูดดังกล่าว ก็ถือว่าชัดเจนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ก็คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แน่นอน อีกทั้งการเข้ามาอย่างเต็มตัวแบบนี้ มันก็เหมือนกับว่านายทักษิณ ชินวัตร หวนกลับมาสู่การเมืองเต็มตัวอีกครั้ง เพียงแต่ว่ามาในรูป “ทายาทสายตรง” ในแบบที่ไว้ใจได้ เพื่อเข้ามาบริหารจัดการแทนตัวเอง หากมองพรรคเพื่อไทยเป็น “รูปบริษัท” หาก น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค มันก็เหมือนกับ “ลูกเถ้าแก่” เข้ามารับช่วงต่อ

แต่เมื่อเชื่อมโยงทางการเมืองแล้ว การเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มันก็เหมือนกับการ “เดินหน้ายุทธศาสตร์ของพรรคใหม่” อย่างเต็มตัว และอาจเป็น “เดิมพันครั้งสุดท้าย” ก็เป็นได้เหมือนกัน เพราะงานนี้หากเกิดผิดพลาด หรือว่าผลที่ออกมาไม่ได้เป็นตามคาดหมายเอาไว้ นั่นก็เท่ากับ “ครอบครัวชินวัตร” ก็จบเห่ในทางการเมืองเช่นเดียวกัน

เพราะในการเมืองสมัยใหม่ ที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากยุคสมัยเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน ที่ตอนนั้น อำนาจและบารมีของ นายทักษิณ ชินวัตร ยังมีสูงมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย แต่มาวันนี้ ภาพจำของเขาในหมู่คนรุ่นใหม่แทบจะไม่มีใครรู้จักจน ไม่มีความสำคัญเหมือนเดิม เพราะแม้แต่มวลชนคนเสื้อแดงที่เคยเป็นฐานสนับสนุนอย่างมั่นคงยาวนาน แต่วันนี้ก็ถดถอยลงไปมาก แตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

และที่สำคัญ ในกระแสการเมืองอนาคตอันใกล้ที่เห็นกันอยู่ ก็คือ “การเมืองเปลี่ยนขั้ว” จากเดิมที่เข้าใจในแบบ “แดง-เหลือง” แต่เวลานี้กลายเป็น “แดง-ส้ม” โดยที่ “แดง” กำลังทยอยโอนไปทาง “ส้ม” อีกทั้งกระแสการเมืองที่ไม่เหมือนเดิมดังกล่าวย่อมส่งผลถึงความนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สะท้อนผ่านทางผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยที่พ่ายแพ้เป็นครั้งแรก

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้อง “ปรับทัพ” กันใหม่ และเมื่อกระแส “คนรุ่นใหม่” ที่ว่ามาแรง ก็ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน โดยที่ยังรักษา “ครอบครัวชินวัตร” เอาไว้ต่อไป นั่นคือ ต้องผลักดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาทำหน้าที่อย่างเต็มตัว ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมต้องมี “เงา” ของพ่อ คือ นายทักษิณ ทาบทับอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ายังไม่มีจังหวะเปิดตัวให้เห็นชัด เนื่องจากยังไม่ถึงจังหวะ “การพักโทษ” และยังมีความเสี่ยงต่อ “กระแสตีกลับ” จากภาพลักษณ์ “นักโทษเทวดา” ในเวลานี้

ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในความเป็นจริงแล้ว การเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร อย่างเต็มตัวเที่ยวนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึง “ความมั่นคง” ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่นั่งอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องไม่ลืมว่าการได้รับตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 ของเขาส่วนสำคัญเป็นเพราะ “จังหวะไม่พร้อม” ของ น.ส.แพทองธาร ในเวลานั้น เพราะเป็นช่วงที่ นายทักษิณ กำลังเดินทางกลับไทย เป็นช่วงที่ยัง “ไม่ชัวร์” ในเรื่องการอภัยโทษ ที่ส่งผลต่อการควบคุมตัว รวมไปถึงการถูกมองในเรื่อง “ตัวประกัน” บางอย่าง

แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัว มันก็ถึงเวลาที่ต้อง “รุกคืบ” เข้ามาเรื่อยๆ อย่างน้อยเห็นว่าทุกอย่าง “เริ่มนิ่ง” และพอควบคุมได้ อย่างน้อยก็ได้จังหวะเข้ามาคุมพรรคเพื่อไทยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งก็เหมือน “กุมหัวใจ” เอาไว้มือแล้ว ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็จะเริ่มขาลอยเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี ก็ต้องเฝ้ามองกันต่อไปว่า เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาคุมพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัวแล้ว จะทำได้ตามเป้าหมายได้หรือไม่ เพราะการเมืองยุคใหม่ คู่ต่อสู้ใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะกับพรรคก้าวไกล ที่เวลานี้มีความแข็งแกร่งขึ้นทุกที เธอจะเอาอยู่หรือไม่ หากพลาดคราวหน้าก็จบเห่ทั้งครอบครัวแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น