“ปดิพัทธ์” น้อมรับมติ ก.ก. ขับออกจากพรรค ขอกอดเก้าอี้รอง ปธ.สภา เดินหน้าทำงานเพื่อ ปชช. ย้ำไร้ฮั้วผลประโยชน์การเมือง-เงื่อนงำ อุบชื่อสังกัดพรรคใหม่ บอกยังมีเวลา 30 วัน ยันไม่ซบข้ามห้วย ต้องเป็นพรรคอุดมการณ์เดียวกัน
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ฐานะรองประธานสภา คนที่หนึ่ง แถลงถายหลังที่พรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค ว่า ตนน้อมรับมติดังกล่าว ซึ่งจากการพูดคุยถึงแนวทางต่างๆ กับแกนนำ ซึ่งตนได้แจ้งความจำนงไปยังพรรคก้าวไกล ว่าต้องการขับเคลื่อนงานในฐานะรองประธานสภา คนที่ 1 ต่อไป หากลาออก จะกระทบต่อการขับเคลื่อนงานและวาระที่ให้คำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนและสภา ดังนั้น ตนจึงยื่นความจำนงที่จะทำหน้าที่ต่อ แทนการเลือกลาออก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับก้าวไกลมากนัก เพราะในทางพฤตินัยตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่รับตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งแล้ว ส่วนในการเลือกตั้งครั้งหน้าตนจะกลับไปสังกัดพรรคก้าวไกลเพื่อลงเลือกตั้งหรือไม่ ขอพิจารณาอีกครั้ง เบื้องต้นมองว่ายังมีเวลาอีกนาน ดังนั้นขอพูดประเด็นปัจจุบันเท่านั้น
“การเปลี่ยนต้นสังกัดของผม จะไม่กระทบต่อแผนงานและการทำงานรองประธานสภา คนที่หนึ่ง ผมยังได้สอบถามกับประชานในพิษณุโลก เขต 1 และทั่วประเทศคร่าวๆ ทั้งนี้ยืนยันการทำหน้าที่รองประธานสภา เป็นประโยชน์ต่อการดูแลทุกข์สุขของคนพิษณุโลกเหมือนเดิม ส่วนพรรคก้าวไกลนั้นผมมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมีบุคลากรที่จะดูแลคนพิษณุโลกได้ต่อ แต่การทำงานใดๆ ในฐานะพรรคก้าวไกลพรรคต้องตัดสินใจเองในพื้นที่ของจ.พิษณุโลก เขต1 ส่วนผู้ปฏิบัติงานของผมในสภา และในพื้นที่ที่ปัจจุบันสังกัดพรรคก้าวไกลต้องปฏิบัติตัวอย่างไรนั้น ผมขอศึกษาข้อกฎหมายอีกครั้ง” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวยอมรับว่า ได้หารือกับพรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย อย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ทั้งนี้ระยะเวลาที่ตนต้องหาสังกัดพรรคใหม่ เป็นไปตามกฎหมายคือ 30 วัน ขณะนี้เป็นวันแรก ดังนั้นตนขอกลับพื้นที่ไปอยู่กับครอบครัวและพื้นที่ สำหรับพรรคที่ตนจะเลือกสังกัดนั้น ยืนยันต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดการณ์เดียวกัน ไม่สามารถข้ามขั้วได้
เมื่อถามว่า กรณีที่เลือกแนวทางดังกล่าวเป็นทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่จะวิจารณ์ได้ การที่พรรคขับออกครั้งนี้ จนเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก และรอบคอบ ไม่ใช่สมคบคิดเพื่อประโยชน์ใคร แต่เป็นทางออกคือทางที่ดี ยืนยันไม่มีเงื่อนงำใดๆ พูดกันแบบตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลการทำงาน และหลังจากนี้ขอให้อนาคตเป็นบทพิสูจน์ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลเล่นการเมืองแบบเก่า ไม่ใช่สร้างการเมืองใหม่นั้น ตนขอให้ไปถามพรรคก้าวไกลเอง ตนตอบแทนพรรคไม่ได้
เมื่อถามว่า กรณีที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกและต้องหาสังกัดใหม่ กังวลว่าจะไม่ได้รับการยอมรับในสภาฯ ฐานะรองประธานสภาฯ หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาพรรคชนะอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร หรือได้ประธานสภา ถือเป็นเค้าลางของความไม่ปกติพอสมควร ดังนั้นตนมมองว่าหากสิ่งใดที่เป็นไปตามหลักการทุกคนต้องปฏิบัติตามไม่มีเกมการเมืองใดๆ
เมื่อถามว่า มีการกดดันจาก ส.ส.รัฐบาลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “มีแต่ให้กำลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ดี”
เมื่อถามว่า ขณะนี้ถูกมองว่าเป็นนอมินีของพรรคก้าวไกล เหมือนที่มีการกล่าวหาว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา เป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “แบบนี้จะไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่นที่มีผู้นำ มีศักดิ์ศรีได้”