“เสรี” ซัด “ก้าวไกล” สมคบคิด “ปดิพัทธ์” ขับพ้นพรรค หวังฮุบทั้ง ผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภา ถือผิดธรรมชาติที่ต้องเกิดจากความขัดแย้ง ชี้ช่องยื่นศาล รธน.-ผู้ตรวจฯ วินิจฉัย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า การขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามหลักการควรเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ที่สมาชิกไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคได้ เพื่อให้ไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด และยังคงสามารถทำหน้าที่ ส.ส.ได้ต่อ แต่ในการขับครั้งนี้ กลับเป็นการสมคบ ตกลงรู้เห็นร่วมกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน เพื่อหลบเลี่ยงหาทางออกไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง
“ทั้งที่การขับออกจากพรรค ควรออกตามธรรมชาติความเป็นจริง ดังนั้น จึงต้องรอดูว่า จะมีผู้ที่ยังติดใจยื่นตรวจสอบให้มีการวินิจฉัยในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่ง ส.ส. 1 ใน 10 ของสภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถหยิบยกให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งได้ว่า การแสดงออกของพรรคก้าวไกล หรือการขับออกจากการเป็นสมาชิกชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือคนอื่นๆ ก็สามารถยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยได้” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่า การที่นายปดิพัทธ์ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายปดิพัทธ์ และจุดยืนของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะถือเป็นทางออก เพื่อรักษา 2 ตำแหน่ง ทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่วิธีการนั้น เป็นวิธีที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เป็นการตกลงกันเพื่อแยกกันทำหน้าที่ ส่วนจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อการกระทำครั้งนี้ ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีลักษณะที่ สส.ขัดแย้งกันในพรรคเกิดขึ้น จนมีการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็ควรรักษาบรรทัดฐานที่การถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น จะต้องเป็นเรื่องความขัดแย้งของสมาชิก
ส่วนการกระทำของพรรคก้าวไกล ถือเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่นั้น นายเสรี กล่าวว่า ตน ไม่อยากจะให้ความชัดเจน เพียงแต่ นิติกรรมอำพราง เป็นเรื่องกฎหมายแพ่ง ที่มีการปกปิดบางสิ่งบางอย่างไว้