“อ.ไชยันต์” แนะ เยาวชนที่ผิด ม.112 ทำไปเพราะฟังอ่านข้อมูลบิดเบือน ควรสารภาพ ศาลอาจเมตตา ให้รอลงอาญาหรือรอกำหนดโทษ อย่าหลงเชื่อคนที่บอกให้ รอแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 “ดร.อานนท์” เผย เป็นพยานเอา “อานนท์” เข้าคุก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(27ก.ย.66) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว "Chaiyan Chaiyaporn" ระบุว่า
“ผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ท่านมีเมตตา เคยบอกกับทนายอานนท์ไว้ว่า ให้สารภาพ เถิด
ขอแนะนำเยาวชนที่ผิด ม.112 ที่ทำไปเพราะฟังหรืออ่านข้อมูลบิดเบือน ควรสารภาพ ต่อศาลครับ
เพราะศาลท่านอาจจะเมตตา ให้รอลงอาญาหรือรอกำหนดโทษ ฯ
แนะนำว่า อย่าหลงเชื่อคนที่บอกให้ รอแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112
หรือรอนิรโทษหรืออภัยโทษ ครับ
น้องๆสารภาพเดี๋ยวนี้ เพื่ออนาคตของน้องๆเอง
ยิ่งถ้าสารภาพและบอกว่า ได้ฟัง ได้อ่านข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาจากไหน ยิ่งดีมากเลยครับ
หรือถ้าน้องๆยืนยันว่า ข้อมูลที่ได้รับมาเป็นจริง ควรนำเอกสารหลักฐานต้นฉบับไปสู้คดีในศาลครับ
เพราะที่สู้จนยกฟ้องก็มีครับ
ที่ผมแนะนำให้สารภาพ เพราะผมได้รับรู้หลักฐานเกี่ยวกับสิ่งที่น้องๆกระทำลงไป และเห็นว่า ยากที่จะต่อสู้ให้ยกฟ้องได้
จึงแนะนำให้สารภาพดีกว่าครับ
ผมไม่ได้อะไรจากการแนะนำนี้
ทนายแม้จะหวังดี แต่เข้าใจว่า ทนายบางคน ยิ่งต่อสู้คดีนานเท่าไหร่ ค่าทนายก็ไม่ใช่น้อย
ทนายแบบนั้น ไม่เสียเวลาในการทำคดี
แต่คนที่เสียคือ น้องๆเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาด้วย
ต่อให้แก้ ม.112 ลดเพดานโทษจำคุกลงมา ยังไงก็ต้องติด เมื่อติดแล้ว มันจะเป็นประวัติติดตัวไปตลอด
แม้แก้เป็นโทษปรับ ก็อาจจะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก จนบางคนไม่สามารถจ่ายได้
ยกเว้นจะมีคนรวยหมื่นล้านมาจ่ายให้
แต่ถ้ากฎหมาย ม 112 ที่แก้ให้เหลือโทษปรับ กำหนดเงื่อนไขให้คนที่มาช่วยจ่ายต้องเปิดเผยตัว หรือห้ามรับบริจาค เศรษฐีหมื่นล้านก็จะลำบากเหมือนกันนะครับ เพราะคนจะรู้ว่า เศรษฐีคนนั้นสนับสนุนน้องๆ”
ขณะเดียวกัน วานนี้(26 ก.ย.66) ศาลอาญา สั่งจำคุก นายอานนท์ นำภา 4 ปี ปรับ 20,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา จากคดี ม.112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีปราศรัย ในเวทีชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.63
เรื่องนี้ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
"คดีที่อานนท์ นำภา ถูกศาลพิพากษาจำคุกมาตรา 112 ป.อาญา ไม่รอลงอาญา 4 ปีนั้น อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในคดีนี้เองครับ และทนายอานนท์ นำภา เป็นทนายความว่าความให้ตัวเองด้วยตัวเองด้วยครับ"