วันนี้ (27 ก.ย.) นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลการประชุม ส.ส.ของพรรคก้าวไกล เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ในเรื่องของตำแหน่งรองประธานสภา ว่า จะมีการประชุมอีกครั้งร่วมกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 เนื่องจากในครั้งที่แล้ว นายปดิพัทธ์ ยังไม่กลับจากสิงคโปร์
แต่ขณะนี้มีมติออกมาชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ที่จะผลักดันประเด็นต่างๆ และขับเคลื่อนสภา รวมถึงตรวจสอบรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะมีการพูดคุยกับนายปดิพัทธ์ ว่า เมื่อพรรคมีมติเช่นนี้แล้ว นายปดิพัทธ์ ยอมรับกับมติของที่ประชุมอย่างไร โดยจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.)
เมื่อถามว่า หากนายปดิพัทธ์ไม่ลาออก จะต้องมีการขับออกหรือไม่ นายกรุณพล กล่าวว่า ต้องอยู่ที่กรรมการบริหารพรรคว่าจะมีมติอย่างไร การพูดคุยยังไม่เริ่มขึ้น คงตอบได้ลำบาก
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า พรรคก้าวไกลต้องได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ก่อนที่จะมีการประชุมสมัยหน้า นายกรุณพล กล่าวว่า ใช่ มั่นใจว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสามารถผลักดันประเด็นที่แหลมคม และทำการตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างชัดเจน รวมถึงกรรมาธิการหลายคณะที่เราได้เป็นประธาน เราจึงมีความกังวลว่าเมื่อมีการตรวจสอบภาครัฐโดยที่ประธาน กมธ.ไม่ใช่สัดส่วนของพรรคฝ่ายค้าน อาจมีปัญหาหรือความล่าช้าในการตรวจสอบ การมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ย่อมทำให้เราตรวจสอบได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยหรือไม่ว่า จะรักษาทั้ง 2 ตำแหน่ง นายกรุณพล กล่าวว่า มี แต่ด้วยรัฐธรรมนูญมีข้อกำหนดว่า พรรคที่มีผู้นำฝ่ายค้านไม่สามารถมีตำแหน่งประธานสภา รองประธานสภา หรือรัฐมนตรีได้ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ กรรมการบริหารพรรคคงวางแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เสียดายหรือไม่ หากต้องขับนายปดิพัทธ์ออก นายกรุณพล กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วสนิทกับนายปดิพัทธ์ก็เสียดาย แต่เท่าที่เคยคุยกันไม่เกี่ยวกับการขับหรือไม่ขับ ตัวนายปดิพัทธ์เองไม่เคยเข้าพรรคและไม่เคยเข้าร่วมประชุมของพรรคเลย หรือแสดงความเห็นใดๆถึงนโยบายหรือญัตติของพรรคเลย ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องบอกว่านายปดิพัทธ์เป็นคนนอกของพรรคตั้งแต่วันที่รับตำแหน่งแล้ว
เมื่อถามว่า หากต้องขับออกจริงๆ จะมีเหตุผลเพียงพอต่อการชี้แจงต่อประชาชนหรือไม่ นายกรุณพล กล่าวว่า อยู่ที่กก.บห.พรรค และ นายปดิพัทธ์ ว่า เหตุผลที่จะยังอยู่หรือจะลาออกจะเป็นอย่างไร เพราะในวันนี้ยังไม่ตัดสินใจได้ ว่า นายปดิพัทธ์จะยังคงอยู่ในตำแหน่งหรือยินดีที่จะลาออก เพื่อมาร่วมงานกับพรรค ก.ก.อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายปดิพัทธ์ เคยระบุว่า อยากทำงานตรงนี้ต่อเนื่องจากยังมีแผนการทำงานอีกมาก นายกรุณพล กล่าวว่า ได้ยินมาเช่นเดียวกันว่านายปดิพัทธ์มีแผนที่อยากให้สภาโปร่งใสและทันสมัย เทียบเท่ากับประเทศโลกที่ 1 ที่พัฒนาแล้ว โดยทำให้สภาฯเป็นที่รวมของประชาชนทุกคน แต่ต้องอยู่ที่การพูดคุยของ กก.บห.พรรค ว่าสุดท้ายแล้วเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ และแนวทางการทำงานของนายปดิพัทธ์จะเป็นไปในทิศทางหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง จากกก.บห.พรรคซึ่ง ส.ส.ทุกคนคงไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงในการตัดสินใจนั้น
เมื่อถามว่า ส่วนตัวอยากเห็นนายปดิพัทธ์อยู่ในตำแหน่งใด นายกรุณพล กล่าวว่า ส่วนตัวอยากเห็นในตำแหน่งรองประธานสภา เนื่องจากนายปดิพัทธ์อยากให้สภาขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็วและตรวจสอบได้ คิดว่านายปดิพัทธ์น่าจะเหมาะกับการดูแลสภาแห่งนี้
เมื่อถามว่า หากต้องขับนายปดิพัทธ์จริงรับได้ใช่หรือไม่ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถ้าแค่ขับออกก็รับได้ แต่ถ้าให้อยู่ก็ยินดีมากๆ
เมื่อถามถึงข้อครหา ใช้อะไรเพื่อรักษาทั้ง 2 ตำแหน่ง นายกรุณพล กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเรามีคำตอบในทุกคำถามอยู่แล้ว ตนเชื่อว่า กก.บห.พรรคและนายปดิพัทธ์น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจน ตรงไปตรงมาให้กับประชาชน
เมื่อถามว่า หากนายปดิพัทธ์ลาออกแล้ว ตำแหน่งนี้ไปอยู่กับพรรคอื่นจะคุ้มหรือไม่ นายกรุณพล กล่าวว่า ถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญเราคงใช้คำว่าคุ้มหรือไม่คุ้มไม่ได้ เพราะเป็นข้อกำหนดที่บังคับอยู่ สุดท้ายเราจำเป็นต้องเลือก 1 ตำแหน่ง หากพรรค ก.ก.มี ส.ส.151 คน จะปล่อยให้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไปอยู่ในมือของพรรคที่มี ส.ส.หลัก 10 เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพรรค ก.ก.พลาดจากการเป็นรัฐบาล ก็ควรจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่า การขับนายปดิพัทธ์ออกไปพรรคอื่น พรรคนั้นอาจถูกมองว่าเป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายกรุณพล กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง ในกรณีที่ขับออกแล้วไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลหรือไม่ หรือถ้าขับออกแล้วไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วพรรค พปชร.เป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกล ก็คงจะไม่ใช่คำตอบ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ความเชื่อและความเห็นของแต่ละคนคงไม่สามารถห้ามความคิดใครได้