ตั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน“ ประธาน กบฉ.พิจารณายกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนใต้

ตั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน“ นั่งประธาน กบฉ.พิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ หลัง ครม.ขยายเวลาประกาศใช้อีก 1 เดือน ด้านฝ่ายความมั่นคง ย้ำ การมีกฎหมายบังคับใช้ในพื้นที่ มุ่งรักษาความสงบ ให้เศรษฐกิจเดินหน้า

วันนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 1 เดือน นั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยเหตุการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากเป็นรอยต่อระหว่างรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ กบฉ. เห็นว่า มีความจำเป็นที่ต้องใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงมีมติให้ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน พร้อมตั้ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ กบฉ. ซึ่งจะต้องเข้ามาดูกฎหมาย ดูข้อปฏิบัติ ดูเหตุผลความจำเป็น และทบทวนกฎหมายต่างๆ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งอาจจะมีการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งละ 3 เดือน เหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะปรับแผนการ ปรับลดกำลังความมั่นคงที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากการประชุมทุกรอบจะมีหลักเกณฑ์การประเมินการในพื้นที่รอบด้าน เช่น การปรับลดพื้นที่ ปรับลดกำลัง ซึ่งหากพิจารณากันแล้ว ก็จะทำทันที โดยฝ่ายความมั่นคงจะเป็นคนประเมินว่ามีความจำเป็นที่จะใช้กฎหมายความมั่นคง หรือไม่ หรือหากทางหน่วยปฏิบัติจะเสนอใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน ก็จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่หากพื้นที่ไหนราบรื่นก็ยกเลิกไปใช้กฎหมายปกติ

ส่วนแนวโน้มยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปเลยนั้น แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุว่า เป็นไปได้ทุกทาง ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลนั้น แต่หากเลิกเลยก็ต้องมีมาตรการให้หน่วยต่างๆ มาใช้ เช่น หากใช้กฎหมายปกติจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังพล เครื่องมือ หรือเพิ่มบางมาตราการ ซึ่ง คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน จะต้องพิจารณา หรืออาจจะมีการปรับข้อกำหนดให้นุ่มนวลลง เนื่องจากการออกกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งสองฉบับจะมีการเขียนข้อกำหนด ไว้ให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติ ตามขอบเขตของกฎหมาย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวความมั่นคง ยังระบุว่า ที่ผ่านมา หน่วยความมั่นคงในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติ ย้ำให้เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา มีความยุติธรรม ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่การใช้กฎหมายอาจจะต้องมีการปรับให้นุ่มนวลขึ้น พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงใช้กฎหมายเป็นไปตามหลักสากลในโลกนี้ เพราะมีกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข นี้คือภาพใหญ่ของกฎหมาย การใช้กฎหมายไม่ได้มุ่งมาจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน หรือมุ่งทำความเดือดร้อน แต่ใช้รักษาความสงบในพื้นที่ไม่ให้ประชาชน หรือเศรษฐกิจเดือดร้อน อยู่ภายใต้แผนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขพหุสังคมปรองดองสมานฉันท์ และที่ผ่านมา กฎหมายไม่ได้ส่งผลกระทบสิทธิส่วนบุคคลแต่จริงๆ แล้วกฎหมายเอามาใช้กับคนที่กระทำความผิดรุนแรง และปกป้องเจ้าหน้าที่ในการทำงาน