แกนนำก้าวไกล แนะ “เศรษฐา” ควรระวังหากนำคนมีประวัตินั่งที่ปรึกษาฯ อาจสะเทือนถึงความเชื่อมั่นนายกฯ มอง ปมแก้ รธน.ถูกสังคมตั้งคำถาม เพราะทำไม่เหมือนที่หาเสียง
วันนี้ (19 ก.ย.) นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีทั้ง 9 คน ที่มีปรากฏรายชื่อของ นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความครอบครัวชินวัตร และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาคดีข้าวบูล็อก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความสง่างาม ว่า นายกรัฐมนตรีคงต้องมีความระมัดระวังในการที่นำคนที่อาจจะมีประวัติ ซึ่งอาจจะถูกตั้งคำถามในแง่ของความซื่อสัตย์สุจริต การมีทีมงานที่มีประวัติไม่ดีก็อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ได้ ถ้านายกฯ ทบทวนและกลั่นกรอง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องระมัดระวัง หากมองว่าคดีความได้สิ้นสุดลงไปแล้วก็ได้ แต่ในทางการเมือง ความคิด และความรู้สึกของสาธารณะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ได้ออกมาระบุว่า รัฐบาลชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ขนาดนี้แล้ว เพราะหลายเรื่องต้องใช้เวลา จะรีดเค้นให้ได้เลยหรือ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนสองเรื่อง หนึ่ง รัฐบาลคงต้องเข้าใจว่าในตอนนี้พรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็นแกนนำรัฐบาล มีความชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ว่า จะมีแนวทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ซึ่งก็เคยมีการแถลงด้วยซ้ำในตอนที่เพิ่งเริ่มจัดตั้งรัฐบาล มีข้อหนึ่งที่ระบุว่า ภารกิจของรัฐบาลคือเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ อีกทั้งยังมีการพูดถึงว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกจะมีวาระเรื่องการลงประชามติ แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่าเป็นแค่คำสั่งให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปตั้งคณะกรรมการศึกษา แน่นอนว่า สังคมดูคาดหวังว่าทำไมไม่เหมือนกับที่เคยว่าไว้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สอง มีคำถามว่า การตั้งคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติจะเป็นการเตะถ่วงเวลา หรือเปิดช่องเพื่อไม่ให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แต่ไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือไม่ ซึ่งเข้าใจได้ว่าสังคมกังวล อีกทั้งยังมีคำถามว่า จำเป็นที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการนี้อีกหรือไม่ อย่างในสภาสมัยที่แล้ว ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว ตนเองก็ได้นั่งอยู่ในกรรมาธิการชุดนั้นด้วย มีตัวแทนของทุกพรรคการเมืองรวมถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ ในขณะนั้น ได้เป็นประธานใน กมธ. ชุดนั้น ซึ่งปัจจุบันก็ได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทั้งนี้ ในข้อสรุปของ กมธ. นอกจากจะศึกษาในรายละเอียดและเนื้อหาที่ควรจะมีการจัดทำใหม่แล้ว ก็ยังมีการเสนอว่าควรจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยมี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง และให้มีการทำประชามติ เพราะฉะนั้นจึงแทบจะไม่มีอะไรให้ศึกษาใหม่แล้ว เพราะมีผลการศึกษาที่ชัดเจนอยู่แล้ว รัฐบาลคงต้องเข้าใจว่าทำไมสังคมถึงมีคำถาม ในความไม่ชัดเจน