รมว.สธ. เชื่อมั่นรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี ยันไม่เคยพูดแก้ รธน.เสร็จยุบสภา วอน ปชช.ยอมรับความหลากหลายของการเลือกตั้ง ชี้ ระบบเลือกตั้งไทยต้องแก้ไข ระบุ มี 6-10 คนไ ด้เป็น ส.ส.เพราะ ปชช.กาผิด
วันนี้ (15 ก.ย.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 13 ว่า เดิมพรรคเพื่อไทยตั้งใจจะจับมือกับพรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลเพื่อทำงานร่วมกัน โดยอาศัยพรรคที่เป็นเสรีประชาธิปไตย แต่ต้องแยกสองส่วน คือ พรรคการเมืองแนวทางเสรีประชาธิปไตย กับ พรรคการเมืองที่มีอยู่ ซึ่งการตัดสินใจของประชาชนอาจจะเป็นคนละความหมายกับสิ่งที่ปรากฏชัด เมื่อผลการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล ได้ 151 เสียง พรรคเพื่อไทย 141 เสียง รวมเป็น 292 เสียง คาดหวังว่า จะจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ แต่มองภาพรวมในระบบรัฐสภา สิ่งที่เราเสนอ แล้วประชาชนให้ แล้วเราก็มาร่วมกันบอกว่าเป็นความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ก็ได้รับเลือกจากประชาชน ซึ่งจะต้องยอมรับความหลากหลายจากการเลือกของประชาชน เมื่อผลเลือกตั้งเป็นแบบนั้นก็เกิดคำถามว่าจริงหรือไม่ที่เราเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนต้องการ
แต่จากข้อเท็จจริงบางสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ประชาชนไม่ต้องการ พรรคการเมืองก็ได้ ส.ส.เข้ามา จึงจะวัดจากการเลือกตั้งแล้วสรุปว่าเป็นพรรคที่ประชาชนต้องการอาจไม่ถูกต้อง 100% จึงต้องช่วยกันมองระบบการเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่งให้ประชาชนเลือกแบบนี้ ทั้งที่ไม่ต้องการเลือก ส.ส.คนนี้ เช่น กรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงอย่าเหมารวมว่าคะแนนที่ได้เป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง แต่มี ส.ส.ได้รับเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 6-10 คน ที่ประชาชนไม่ตั้งใจกา แต่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เนื่องจากหมายเลขพรรคกับผู้สมัครต่างกัน จึงเป็นระบบที่ต้องแก้ไข
นอกจากนี้ เห็นว่า สังคมไทยค่อนข้างหลากหลาย มีความเป็นประชาธิปไตยและเข้าใจระบอบประชาธิปไตยอย่างลึกซึ้ง พรรคเมืองที่ประชาชนต้องการนั้น ตนมองว่า มี 3 ข้อ คือ 1. พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง ที่พรรคเองต้องบอกตัวเองได้ และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นได้ 2. คือ การมีเสียงประชาชนสนับสนุน ทั้งทางตรง ทางอ้อม โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการผลิตนโยบายการเมือง ตรวจสอบทางการเมือง และการนำนโยบายไปใช้ และ 3. ที่ถือเป็นจุดตายของพรรคการเมืองยุคใหม่ คือ การสื่อสารการเมือง บวกกับการตลาดการเมือง ที่ต้องรู้ว่าประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งเป็นอย่างไร แล้วจะเอานโยบายอะไรไปนำเสนอ ถึงจะตอบโจทย์ แต่หากมีการสื่อสารที่ไม่ดี ก็ไม่เป็นผล และมองว่า หากต้องการให้พรรคการเมืองเป็นที่ต้องการและเป็นที่นิยมจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งเป็นสมาชิก ร่วมกิจกรรมพรรค และหากสื่อสารการเมืองที่ดีก็จะดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งเดิมเป็นเรื่องยากเพราะติดข้อกฎหมาย
นพ.ชลน่าน ยังมั่นใจรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะอยู่ครบ 4 ปี อาจจะมีการปรับเปลี่ยนมีพรรคอื่นๆ เข้าร่วมรัฐบาลเป็นธรรมดา แต่มั่นใจไม่มีการยุบสภาก่อน 4 ปีแน่นอน ส่วนเงื่อนไขอื่นที่เป็นเหตุผลเหมาะสม ไม่ใช่การยึดอำนาจ หรือยุบสภาด้วยเหตุการณ์ไม่ปกติ และไม่เคยมีการพูดว่าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จจะยุบสภา แต่โอกาสความเป็นไปได้หากร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นที่ต้องการของประชาชนเกิดกระแสเรียกร้องบริบทการเมืองที่เหมาะสม ก็มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลมอบอำนาจไปให้ประชาชนตัดสินใจใหม่
“หากทำงานเข้าตาแล้วเหตุใดประชาชนเรียกร้องต้องยุบสภา ดังนั้น ด้วยเงื่อนไขครบ จึงมั่นใจอยู่ครบ 4 ปี เดิมการเมืองมีความขัดแย้งรุนแรง แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนเหลืองแดง แต่ถูกย่อยสลายแล้วเหลืองแดงไม่สู้ และหันหน้าเข้ามากัน ทำให้บรรยากาศการเมืองดีขึ้น”