ศาล รธน.สั่งไม่รับคำร้องปมอ้าง “วันนอร์” ไม่ให้รัฐสภาโหวตชื่อ “พิธา” เป็นนายกฯ รอบ 2 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง พร้อมนัดถกสถานะ รมต. “ศักดิ์สยาม” ต่อ 20 ก.ย.
วันนี้ (13 ก.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า ได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ในขณะนั้น จำนวน 54 คน ขอให้วินิจฉัยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในขณะนั้นยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้น เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ทำให้นายศักดิ์สยามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนอันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ โดยศาลได้กำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันพุธที่ 20 ก.ย.เวลา 09:30 น
นอกจากนี้ ยังมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายบัณฑิต พุ่มทิพย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ว่า การกระทำของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมรัฐสภามีคำสั่งให้ลงมติในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยที่ประชุมร่วมของรัฐสภามีมติว่าไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อ 41 เป็นการจงใจให้พรรคพวกของตนได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศด้วยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรค 1 หรือไม่ โดยสารพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าในวันมูหะมัดนอร์ มะทา ผู้ถูกร้อง มีความมุ่งหมายและความประสงค์หรือการกระทำใดที่น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง