“เศรษฐา” จัดเต็ม ครม.นัดแรก มอบ “ภูมิธรรม” ตั้งกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติแก้ รธน. เปิด ปชช.ร่วมออกแบบ ปชต. ไฟเขียวฟรีวีซ่าจีน-คาซัคสถาน เริ่ม 25 ก.ย. 66 - 29 ก.พ. 67 เคาะจ่ายเงิน ขรก. 2 รอบต่อเดือน เริ่ม ม.ค.ปีหน้า เฮ! ลดค่าไฟ 35 สตางค์ รอบบิลนี้ - 20 ก.ย. ลดดีเซลต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร
เมื่อเวลา 11.55 น. วันที่ 13 ก.ย. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้เพิ่งจบการประชุม ครม.นัดแรก ธรรมดาโฆษกรัฐบาลจะเป็นผู้แถลง แต่วันนี้เข้าใจว่าสื่อมวลชนอยากได้ยินอะไรที่ดีๆ ที่ ครม.นัดแรกทำออกมา ตนก็จะแถลงโดยสังเขป โดยโฆษกรัฐบาลจะแถลงในรายละเอียดในเรื่องทั้งหลายที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุม ครม.
นายกฯกล่าวว่า ได้มีการสรุปวาระ ครม.หลายเรื่อง โดยเรื่องแรกที่มีการพูดคุยกัน คือ การจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบรอบ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีหน้าเพื่อให้สมพระเกียรติ และขอให้ประชาชนมีส่วนร่วม
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากให้มี อยากให้เกิดขึ้น เราจึงมีการสั่งการไปเลยเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในรัฐธรรมนูญปี 2560 เห็นชอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองนายกฯ คนที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ โดยใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่ 3 เรื่องวีซ่าฟรีชั่วคราว เพื่อไม่ให้มีการสับสน วีซ่าฟรีหมายความว่ายกเลิกการขอเดินทางเข้ามาประเทศไทยของประเทศจีน และประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ทำอย่างเป็นทางการ โดยแฝงประเทศคาซัคสถานมาด้วย เพราะเป็นชาติที่อยู่ในเขตยุโรป ซึ่งมีภาวะฤดูหนาวที่รุนแรง และดูจากสถิติถือเป็นประเทศที่อยากเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ กราฟอยู่ในแนวขึ้นตลอด โดยทั้ง 2 ประเทศนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 เป็นการยกเว้นชั่วคราวเพื่อดูผลกระทบทั้งหลาย ทั้งนี้ ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ได้คุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายความมั่นคง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจทุกภาคส่วนพร้อมรองรับ
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่ 4 มีการตั้งคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่เราหาเสียงไป เป็นการดึงศักยภาพของประชาชนชาวไทยทุกคนออกมาเพื่อเสริมสร้างรายได้ เพิ่มโอกาสให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน ส่วนเรื่องการพักหนี้เกษตรกรได้มีการตกลงกัน ซึ่งจะมีการพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี
“เรื่องที่ 7 เป็นเรื่องที่เราไม่เคยพูดคุยกัน ผมไม่ได้มีการแย้มถึงเรื่องนี้เลย แต่ผมตระหนักดีว่าเรื่องกระแสเงินสดของทุกคนในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงดำริให้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ โดยรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง และคาดว่า จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งต้องมีการแก้ไขระบบอะไรหลายๆ อย่าง จึงทำเลยไม่ได้ ผมเชื่อว่า เรื่องนี้จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เยอะพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงิน 2 รอบจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องคอยให้ถึงสิ้นเดือนก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมา” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เรื่องค่าไฟเป็นอีกเรื่องที่ได้มีการพูดคุยกัน ลดค่าไฟฟ้าเป็น 4.10 บาท ต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จาก 4.45 บาท ซึ่งเชื่อว่าเยอะกว่าที่ประชาชนคาดไว้ โดยจะเริ่มในรอบบิลเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป ส่วนการลดราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับค่าขนส่งให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เข้าใจว่า จะเริ่มต้นได้วันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยทั้งหมดนี้เป็นคร่าวๆ ที่ตนคลิกมาว่าเป็นไฮไลต์สำหรับการประชุม ครม.นัดนี้ อย่างไรก็ตาม คณะโฆษกฯจะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของน้ำมันเบนซินจะมีการพิจารณาหลังจากนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเบนซินก็มีการพูดคุยกันแต่ต้องดูให้ดีถึงกลุ่มผู้เดือดร้อนจริงๆ เดี๋ยวคงจะมีมาตรการค่อยๆทยอยออกมา
จากนั้น นายเศรษฐา เดินลงจากตึกบัญชาการ 1 พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นยังไงครับ วันนี้แถลง ครม.ดีนะครับ เรื่องบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนโอเคนะครับ พร้อมชูนิ้วโป้ง และกล่าวอีกว่า เดี๋ยวจะทยอยคิดออกมาอีก ทั้งเรื่องค่าไฟ เรื่องน้ำมันเบนซิน ทำเต็มที่ วันนี้มีขีดจำกัดบางอย่าง และมีเรื่องของเงื่อนเวลา เดี๋ยวจะพยายาม