“สุรเชษฐ์” เผย “เศรษฐา” มอบดูความมั่นคงรับท่องเที่ยว ขานรับเปิดฟรีวีซ่าจีน ลั่น ตร.ต้องอยู่กับ ปชช. ไม่ใช่ทำต้วเป็นไม้ค้ำยันมาเฟีย สั่งล้างบางทุกพื้นที่ ยันคดีกำนันนก ไม่มีมวยล้ม ง่ายกว่าคดี “แอม ไซยาไนด์” เหตุพยานหลักฐานนิ่งให้ข้อมูลตรงกัน เหิมเกริมสั่งยิงไม่รอดแน่
วันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.10 น.ที่บ้านพิษณุโลก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ว่า นายกฯได้ให้แนวทางมา 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลจะให้มีฟรีวีซ่า โดยในส่วนของหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตนมองว่า เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้ขั้นตอนที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีขั้นตอนยากลำบากในการเดินทางเข้าประเทศ เรื่องการคอร์รัปชัน ดังนั้น วันนี้การที่เปิดให้มีฟรีวีซ่า จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น ส่วนนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยเฉพาะตนลงไปกำกับ คือ การเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและความมั่นคงต่างๆ ตรงนี้เรามีฐานข้อมูลอยู่แล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากแนวคิดของนายกฯในเรื่องดังกล่าว จะเป็นการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญของประเทศไทยขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยของคนจีนมีน้อยมาก
ก็จะประสบปัญหาในการเดินทางเข้าประเทศยากลำบาก ดังนั้น ฟรีวีซ่าจะทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นในการรองรับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจ ซึ่งมีการปราบปรามเข้มงวดอยู่แล้ว ตนก็จะไปเน้นย้ำกำชับในเรื่องของความปลอดภัย ถือเป็นหน้าที่หลักตำรวจเพื่อรองรับนโยบายนายกฯ ในการให้มีฟรีวีซ่า แล้วจะทำให้โรงแรม ร้านค้าต่างๆ ของประชาชนกลับมาฟื้นอย่างรวดเร็ว ตนเข้าใจว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย เป้าหมายหลักการเดินทางของคนจีนคือประเทศไทย หรือเป็นอีกเรื่องที่นายกฯมีความเป็นห่วง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนอีกเรื่องที่นายกฯ มีความเป็นห่วงเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลและการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจ ซึ่งการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพล นายกฯได้เน้นย้ำการปราบปรามแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด เรื่องการฮั้วประมูลในพื้นที่ต่างๆ มีหรือไม่ ทำไมอยู่ๆ กำนันนกจะมีเงินถึงขนาดเป็นพันๆ ล้าน ในเวลาไม่กี่ปี และมีตำรวจไปล้อมหน้าล้อมหลัง นายกฯ เน้นย้ำการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลทุกพื้นที่ โดยตนได้รับแนวทางตรงนี้มา และในฐานะที่รับผิดชอบงานปราบปราม และสืบสวน จะลงไปกำกับในพื้นที่ ให้ประชาชนเชื่อมั่น และมีความปลอดภัยและตำรวจจะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ถือเป็น 2 ประเด็นที่นายกฯกังวล
เมื่อถามว่า นายกฯได้กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้นายกฯเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการขยายผล โดยมีแนวทางให้ขยายผลให้ถึงที่สุด จนถึงตัวสุดท้าย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างเดียว เรื่องการทุจริตต่างๆ ในพื้นที่ การฮั้วประมูล การได้งานต่างๆ จะต้องลงไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เมื่อถามว่า จะมีการออกหมายเรียกหมายจับเพิ่มเติมในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้กำลังสอบอยู่ โดยนายกฯเน้นให้ความเป็นธรรม ทำอย่างตรงไปตรงมา หากเราสอบสวนและพบว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป โดยช่วงเย็นวันนี้ถึงจะทราบ ส่วนเซฟเวอร์กล้องวงจรปิด เราได้กู้มาแล้ว คาดว่าใช้เวลา 3-4 วัน แม้จะเปียกน้ำเมื่อแห้งก็กู้ข้อมูล ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ทรัพย์สินบ้านกำนันนกต้องอายัดไว้ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้อายัด เพราะทรัพย์สินยังไม่ได้เข้าความผิด แต่ตนก็ได้เอกสารส่วนใหญ่มาแล้ว เดี๋ยวจะดูเรื่องการฮั้วประมูลอะไรต่างๆ หากมีการฮั้วประมูลก็เข้าข่ายฐานความผิด นำไปสู่การยึดทรัพย์ต่างๆ ตรงนี้ถึงจะสามารถใช้มาตรการยึดทรัพย์ได้
เมื่อถามว่า คดีนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แน่นอน โดยหลักของกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำลายวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ตำรวจในเหตุการณ์แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุและวิ่งหนีไป ไม่ทำอะไรเลยถือว่าละเว้นหน้าที่แน่นอน โดยกลุ่มแรกเราออกหมายจับไปบางส่วนแล้ว กลุ่ม 2 รวมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี และกลุ่มที่ 3 กลุ่มที่พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลตรงนี้เราต้องให้ความเป็นธรรมเขา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนต่างๆ จะมากขึ้นทุกวัน วันนี้เริ่มสอบมาตั้งแต่เวลา 10.00 น.เมื่อคืนวันที่ 9 ก.ย.ตี 2-3 กว่าจะเสร็จ เมื่อถามว่าวันนี้จะเรียบร้อยหรือไม่ เพราะชื่อตำรวจระดับใหญ่ในภาค 7 ทั้งนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจภาค 7 กับตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง ดังนั้น คดีนี้ถือไม่ซับซ้อน ถ้าเปรียบเทียบคดีแอมไซยาไนท์ ง่ายกว่าเยอะเลย เพราะพยานหลักฐานนิ่ง ขณะที่ผู้ต้องหาก็นิ่งอยู่แล้ว ดังนั้นคดีนี้เมื่อไล่เส้นทางการเงิน และกล้องวงจรปิดต่างๆ ใกล้ครบแล้ว คิดว่าน่าจะใช้เวลาซักประมาณ 1 อาทิตย์ จะสมบูรณ์
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจด้วยกันจะให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แม้เป็นตำรวจด้วยกัน ในคราวแรกก็โกหกหมด ตำรวจก็โกหกหมด เหมือนที่ตนบอกว่าโกหก ก็โกหกไปไม่เป็นไร แต่เราก็มีการสืบสวนสอบสวน และมีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว สามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า ส่วยสติกเกอร์กระต่ายรถบรรทุก จะสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สอบหมด ทั้งส่วยและการฮั้วประมูล ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามต้องสอบ เมื่อถามว่า ประเด็นที่คุยกับนายกฯมีเรื่องส่วยด้วยหรือไม่ นอกเหนือจากการขอโยกย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายกฯไม่ได้พูดถึงประเด็นส่วย เพียงแต่เป็นห่วงและมองเรื่องกลุ่มมาเฟีย ซึ่งนายกณมีความตั้งใจที่จะปราบปรามมาเฟียและผู้มีอิทธิพลแบบถอนรากถอนโค่นให้หมด โดยนายกฯบอกว่าตำรวจต้องอยู่กับประชาชน ไม่ใช่ไปอยู่กับมาเฟียผู้หรือผู้มีอิทธิพล นายกฯกำชับลักษณะนี้และจากการสอบสวนตำรวจทั้ง 6 คนก็รับสารภาพตรงกัน
เมื่อถามว่า ตรงกันคือ กำนันนก สั่งการใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ให้การตรงกันอยู่แล้วว่า กำนันนกสั่งการชัดเจน ผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงเรื่องที่กำนันนกคุยกับคุยกับสารวัตรศิวเป็นเรื่องส่วยหรือเรื่องการโยกย้ายตำแหน่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักไม่ใช่ส่วย แต่เป็นเรื่องของการขอตำรวจแล้วไม่ให้ ก็สั่งยิง พูดง่ายๆ คือ เหิมเกริมและอยู่อย่างนี้มานาน ผูกพันกับตำรวจท้องที่มานาน จนกระทั่งเหิมเกริม ฉะนั้นวันนี้ต้องล้างบางเสียที
เมื่อถามว่า ประเด็นสติกเกอร์กระต่ายอาจจะมีการเชื่อมโยงระดับรองผู้บัญชาการตรงนี้มีความกังวลหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ขอเรียนตรงๆว่า เชื่อมโยงถึงใครดำเนินคดีหมด ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา เหมือนที่สื่อเห็น ถ้าทำอย่างไม่ตรงไปตรงมา สื่อจะรู้ ในโลกปัจจุบันมันปิดกันไม่ได้ ถ้าใครทำอะไรไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทางก็ไปไม่รอด
เมื่อถามว่า คดีนี้จะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่เป็น ถ้าตนลงมาเองไม่เป็นแน่ ยังไงต้องเด็ดขาดแน่นอน แม้เวลานี้กำนันนกจะภาคเสธ โดยเขาบอกไม่ได้เป็นคนสั่งให้ยิง บอกว่าหน่องยิง เมื่อถามว่าจะเป็นช่องโหว่ให้กำนันนก หลุดคดีหรือไม่ถ้าปฏิเสธอย่างนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กำนันนกยังไงก็ไม่มีทางหลุดรอดคดีนี้ เพราะการที่เราขออนุมัติออกหมายจับ ศาลยังเชื่อในพยานหลักฐานที่เรามี วันนี้มีทั้งพยานให้การยืนยันและพยานแวดล้อม ยังไงก็ไม่มีทางหลุด
เมื่อถามว่า ในเรื่องของความปลอดภัย พยานอาจโดนปิดปาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันไม่มี เพราะตนลงมาเองร่วมกับชุดใหญ่ทั้งนั้น คงไม่มีใครกล้ากระดิก โดยหลักฐานที่มีจะต้องเอาผิดกำนันนกในอัตราโทษสูงสุดที่ศาลพิพากษา เอาอย่างนี้กำนันนกไม่มีทางหลุด เพราะการควบคุมตัวทั้งหมดเราไม่ได้ให้ท้องที่ทำ เพราะถ้าให้ทำอาจมีข่าวรั่ว จึงเป็นที่ไม่ไว้วางใจ วันนี้เอาชุดสืบสวนของตร.และกองปราบ ลงไปทำ ซึ่งคดีนี้จะทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าใครทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลจะต้องเจอแบบนี้ วันนี้จะล้างให้หมด และล่าสุด กำนันนกก็ยังไม่ขอประกันตัว ซึ่งเขากลัวความไม่ปลอดภัย