“พิภพ” ฟันธง “ทักษิณ” ติดคุกไม่เกิน 3 เดือน ได้ลดหย่อนตาม กม.อภัยโทษ “อั้ม อิราวัต” ไล่วันสำคัญลดโทษ เชื่อพ้นโทษไม่เกินปีใหม่ “อดีตรองอธิการ มธ.” แนะ ควรกลับเข้าเรือนจำเท่าเทียมนักโทษคนอื่น
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 ก.ย. 66) นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“ตามที่วิษณุพูดดักไว้ ถูกตามสิทธิ กม.อภัยโทษ ออกมาเป็นระยะๆ สรุป ทักษิณจะติดไม่เกิน 3 เดือน จะมี พ.ร.บ.อภัยโทษทั่วไปออกมาตอน 5 ธันวา หรือวาระสำคัญอื่นๆ คนที่มีโทษน้อย จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 ทุกคน เหมือนพวกแกนนำ พธม.ก็ได้รับมาแล้ว โทษ 8 เดือน ลดหย่อนเหลือ 3 เดือน”
ขณะเดียวกัน “อั้ม- อิราวัต อารีกิจ” อดีตนักร้องชื่อดังและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “อั้ม อิราวัต” ระบุว่า
“โทษเหลือ 1 ปี = 365 วัน
1 ใน 3 ของ 365 วัน = 121 วัน (เท่ากับ ประมาณ 4 เดือน) เพราะหากเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี-เยี่ยม จะพิจารณา ตัดกันที่ระวาง 1/3 ของโทษ
หากจะมีการผ่อนปรน พักโทษ / ติดกำไล EM และวันสำคัญของชาติ ที่เหลือปีนี้ 4 วัน 13 ตุลาคม 2566 + 23 ตุลาคม 2566 5 ธันวาคม 2566 + 10 ธันวาคม 2566
ผมฟันธง ว่า ไม่เกินปีใหม่ ได้เฮ หรือไม่แน่ อาจจะได้เฮกันก่อนหน้านั้น
ด้วยเรื่องความหนักเบาของคดี ระยะเวลาโทษ เรื่องสุขภาพ+เรื่องอายุ ที่สามารถผ่อนผัน และผ่อนปรน ให้ออกมาก่อนกำหนดได้
ราตรีสวัสดิ์ครับ.”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“การพระราชทานอภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยให้ลดโทษจำคุกเหลือเพียง 1 ปี เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยแท้ กระบวนการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วในระดับรัฐบาล และทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด อย่างที่เคยกล่าวแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยพระราชทานอภัยโทษให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีและต้องโทษด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วหลายรายในช่วงแรกๆ หลังจากการครองราชย์ และไม่ทรงโปรดให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดแต่ไม่เคยเป็นข่าว ซึ่งในระยะนั้นยังไม่มีผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 มากมายเหมือนในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่ทรงพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษให้คุณทักษิณเหลือเพียงการจำคุก 1 ปี
การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเช่นบุคคลสำคัญ แตกต่างกับนักโทษปกติอย่างสิ้นเชิง ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูอยู่แล้ว เมื่อได้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษหลังกลับมาและถูกควบคุมตัวเพียงไม่กี่วัน และได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ ทำให้ยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น หลายคนที่เคยต่อสู้เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณถึงกับรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ หมดอาลัย ประกาศไม่ขอมีส่วนร่วมใดๆ ที่เกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป
ท่านที่มีความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง อยากให้ลองมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยใจเป็นธรรม และต้องยอมรับว่า ขบวนการพยายามเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนอาจถึงขั้นล้มล้างในปัจจุบันนั้นมีอยู่จริง ทั้งยังมีความรุนแรงและคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์มากยิ่งกว่ายุคใดๆ ลองนึกดูว่า หากเป็นตัวเราเองกำลังถูกคนหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามคุกคาม และต้องการให้มีการปลดเราออกจากตำแหน่งที่เราครองอยู่โดยชอบธรรมโดยเราไม่มีความผิดใดๆ เราจะงอมืองอเท้าให้พวกเขากระทำต่อเราโดยไม่ต่อสู้กันสักตั้งเลยหรือ
ในทางการเมือง การเจรจาต่อรอง ยอมเสียบางอย่างเพื่อได้สิ่งที่เป็นภาพใหญ่กว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา หากต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองอย่างแท้จริง ก็ต้องไม่พยายามไปคุกคามจนถึงขั้นล้มล้าง โดยอ้างว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีความมั่นคงสง่างาม เพราะการกระทำที่เราได้เห็นมาโดยตลอดไม่เคยเป็นการกระทำที่สร้างความสง่างามให้สถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามกลับเป็นการกระทำที่เหยียดหยาม ย่ำยี ดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ กันอย่างไม่ยั้งทั้งสิ้น เชื่อเถิดว่า พระองค์ท่านได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยโดยรอบคอบ เพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวมแล้ว จึงได้ทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะทรงมีพระราชประสงค์ให้ระบอบทักษิณกลับมาครอบงำประเทศอีกครั้ง แต่เป็นเพราะนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์การปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีทางเลือกใดที่ดีพร้อมจนไม่มีผลลบแต่อย่างใดเลย เพราะนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อคุณทักษิณได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้ จากนี้ไปคุณทักษิณควรต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษอื่นๆ คือ ต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำ เท่าเทียมกับนักโทษอื่นๆ ทันทีที่สุขภาพอำนวยให้ทำได้ และควรอยู่ในเรือนจำจนครบ 1 ปี โดยไม่ได้รับการลดโทษลงมากกว่านี้อีก ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม และพวกเราที่กำลังท้อแท้ก็ต้องมาช่วยกันจับตาดูรัฐบาลชุดนี้ให้ดี เพราะก็ต้องยอมรับว่า น่าเป็นห่วง และช่วยกันขุดคุ้ยว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ อย่างไร ซึ่งการที่จะหวังให้คุณทักษิณวางมือทางการเมืองโดยไม่ชักใยอยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้ คงยากกระทั่งเป็นไปไม่ได้
มีแต่คุณทักษิณยอมอยู่ในคุกอย่างเท่าเทียมกับนักโทษคนอื่นๆ เท่านั้น ที่จะทำให้บ้านเมืองไม่วุ่นวาย ไม่มีเลือดตกยางออก และไม่นำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง”