“วิษณุ” รับที่ผ่านมาเป็นรองนายกฯ เนติบริกร ชี้ รบ.หน้า รมต.สำนักนายกฯ ทำได้ ปัดวิจารณ์คนใหม่ เผยว่าที่ ครม.คุณสมบัติตามกฎหมายผ่านหมด ไม่ทราบทูลเกล้าฯ รายชื่อทัน 1 ก.ย.หรือไม่เพราะบางคนต้องขอหลักฐานเพิ่ม ชี้บกพร่องทางจริยธรรมเป็นเรื่องส่วนตัว ถูกร้องภายหลังเจ้าตัวต้องรับผิดชอบเอง เหตุ สลค.ไม่รู้ประวัติทั้งหมด
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 ก.ย.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นถึงคุณสมบัติ
ของรัฐมนตรี ที่จะมาดูแลงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาลว่า ในอดีต ไม่เคยบอกว่าจะต้องมีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูฝ่ายกฎหมาย ซึ่งงานก็กระจัดกระจายกันไปรัฐมนตรียุติธรรมก็ดูในส่วนของท่าน ในกรณีที่เกี่ยวพันกับกระทรวงไหน กระทรวงนั้นก็ดูแลไป แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็จะช่วยดูให้ ซึ่งสมัยที่ตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเขาได้ใช้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ช่วยดูด้วย ข้าราชการประจำก็ดูได้ไม่แปลกอะไร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ดูได้ แต่ระยะหลังๆ มางานมากขึ้น คงคิดกันว่าถ้าทุกกระทรวงมีปัญหาแล้วต่างคนต่างคิด
"ซึ่งระบบราชการไทย อย่างที่ใครต่อใครเรียกผมว่าเนติบริกร พูดก็พูด ก็เป็นเช่นนั่นแหละ ไม่ปฏิเสธ แต่งานที่ผมให้บริการคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี กลับน้อยกว่าที่ผมให้บริการกระทรวงต่างๆ หรือกรมต่างๆ งานพวกนี้อยู่ข้างล่างอาจจะไม่เคยเห็นกัน แต่สำหรับผมคนนั้นคนนี้ที่ต้องมาประชุมกัน กรมนั้นกรมนี้ขัดกระทรวงกัน ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ขัดแย้งกัน ฉะนั้นก็ต้องมีใครมาช่วยดูในภาพรวม จึงได้เกิดรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีขึ้นมาดูแล ทั้งนี้ต่อไปในรัฐบาลหน้า ถ้าโฉมหน้าเป็นไปอย่างที่หนังสือพิมพ์ลง ผมคิดว่าจริงๆ แล้วรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็สามารถดูกฎหมายได้"นายวิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์หรือประวัติของรัฐมนตรี จะกระทบกับการทำงาน ของฝ่ายข้าราชการในเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่วิจารณ์ งานกฎหมายของรัฐบาล อยู่ในกฤษฎีกาส่วนหนึ่ง ซึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นหัวหน้า และอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบ และอยู่ในสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ และอยู่ในสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่ง อัยการสูงสุดรับผิดชอบ แต่ไม่ได้อยู่ใต้อานัสรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการประสานขอความช่วยเหลือถ้าเป็นกรณีปัญหา กฎหมายระหว่างประเทศกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของเรื่อง เป็นการแบ่งกันทำอย่างนี้
เมื่อถามว่างานด้านกฎหมายอาจารย์มีคำแนะนำอะไรให้กับรัฐมนตรีที่จะมารับผิดชอบหรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อมีใครไม่ผ่านบ้างหรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ได้รับรายงานว่าไม่มีใครมีปัญหาเพียงแต่ว่ากำลังขอหลักฐานยืนยันมาให้ชัดเจนเท่านั้นบางอย่างหลักฐานไม่ได้มีที่เรา มันอยู่ที่เจ้าตัวหรืออยู่ที่หน่วยงาน เช่นกระทรวงพาณิชย์สำหรับตรวจสอบในส่วนของ กลต. ซึ่งแบบนี้ต้องการหลักฐานยืนยัน อันดับแรกรัฐมนตรีจะต้องกรอกประวัติแล้วเซ็นชื่อรับผิดชอบ มีอะไรขึ้นมาตัวเองจะต้องรับผิดชอบ ฉะนั้นเคยติดคุกหรือไม่อะไรนั้นเราไม่รู้หรอกเบื้องต้นเขาต้องเซ็นมา พอได้มา เราจึงจะเช็คกลับไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างกรณีบกพร่องทางคุณธรรม จริยธรรมมันไม่มีหน่วยงานไหนให้เช็คได้มันเป็นนามธรรม แต่เจ้าตัว เขาเซ็นรับรอง ว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ประพฤติบกพร่อง ในทางศีลธรรม อะไรอย่างนี้ก็ต้องวางใจ หลังจากนั้นมีปัญหาอะไรก็ไปถอดถอนกัน เพราะเราไม่รู้จะไปถามที่ไหนตรงนี้ถามวัดก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่อย่างอื่นสามารถเช็คกับตำรวจได้ แม้กระทั่งบางอย่างเช็คจากกรมควบคุมความประพฤติได้ว่าอยู่ระหว่าง ควบคุมความประพฤติหรือไม่ รอลงอาญาหรือเปล่าอย่างนี้เป็นต้น อย่างไรก็ตามเท่าที่ตรวจสอบ คุณสมบัติ ได้รับรายงานว่า ไม่มีปัญหา แต่กำลังอยากจะได้หลักฐานยืนยันที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า ถ้าตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไปพบปัญหาในภายหลังใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุกกล่าวว่า เจ้าตัวก็จะต้องรับผิดชอบไป และหากใครสงสัยก็ไปร้องตามช่องทางและขั้นตอนที่มี เมื่อถามว่ากระบวนการจะล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ ถ้าต้องรอเอกสาร ตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าไม่ช้า เมื่อถามว่าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯได้ในวันที่ 1 กันยายนนี้ เลยหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า เป็นใครสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ที่ต้องรอเอกสารเพิ่มเติมตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าไปเปิดเผยเลย