เผย “หมอสรณ” ไป ตปท.ใน 1 ปีเศษ หลังรับตำแหน่งประธาน กสทช. รวม 15 ครั้ง ใช้งบฯกว่า 45.8 ล้าน ทุบสถิติตั้งแต่ตั้งองค์กรมา เผย งานเล็ก-ใหญ่ไปหมด แถมเบิกจ่ายงบฯไม่เป็นไปตามแนวทาง สตง. ทั้งยังทำให้พลาดภารกิจสำคัญในประเทศหลายครั้ง
วันนี้ (20 ส.ค.) รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถึงการไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศของ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ตั้งแต่รับตำแหน่งประธาน กสทช. เมื่อเดือน เม.ย. 65 เป็นต้นมา มีการเดินทางไปต่างประเทศรวม 16 ครั้งในรอบ 1 ปี 3 เดือน ทั้งในภารกิจของ กสทช. และภารกิจส่วนตัว เฉลี่ยไปต่างประเทศทุกเดือน บางเดือนไปถึง 3 ครั้ง โดยใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศรวม 121 วัน จาก 470 วัน ที่ดำรงตำแหน่ง หรือคิดเป็นราว 1 ใน 4 ของระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งประธาน กสทช.มา โดยมีการเบิกใช้งบประมาณสำนักงาน กสทช.รวมกว่า 45.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินที่เกินกว่าสิทธิของตำแหน่งตนเองแทบทุกครั้ง
การเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งของประธาน กสทช.ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในสำนักงาน กสทช.ด้วยว่า ส่วนใหญ่ไปในลักษณะการไปศึกษาดูงาน หลายๆ ภารกิจไม่สมฐานะประธาน กสทช. อาทิ เข้าร่วม Workshop Metaverse และอบรมการใช้งาน Facebook ที่ต้องไปถึงนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้งบประมาณไป 4 ล้านบาทเศษ หรือการไปดูงานโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ โดยอ้างว่า จะได้นำมาทำ Telemedicine ทั้งที่บริบทของประเทศไทยกับต่างประเทศแตกต่างกันสิ้นเชิง
หรือการร่วมเดินทางไปกับคณะกรรมการกองทุน กทปส.และคนนอกกว่า 20 คน ไปดูงานดาวเทียมที่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ตนเองและกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้รับผิดชอบงานด้านดาวเทียม หรือการจัดการประมูลดาวเทียมที่ผ่านมา โดยใช้งบประมาณไป 5 ล้านกว่าบาท รวมทั้งการเดินทางไปร่วมโครงการ USTDA ที่มีผู้บริหารของเอกชนผู้ประกอบการมือถือร่วมเดินทางไปด้วยตลอดทั้งทริป 15 วัน และใช้เงิน กสทช. ไปถึง 9 ล้านกว่าบาท ทั้งที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติ กรรมการ กสทช.หรือผู้บริหาร กสทช. ไม่เคยร่วมเดินทางไปกับคณะผู้บริหารของเอกชนผู้ประกอบการมาก่อน
ตลอดจนการเข้าร่วมประชุมรัฐภา คีอ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ก็ได้ทักท้วงไปแล้วว่างานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจของ กสทช. แต่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ ก็ได้สั่งการให้ สำนักงาน กสทช. ต้องอนุมัติให้ ศ.คลินิก นพ.สรณ ไปต่างประเทศในทุกเงื่อนไข
รวมทั้งที่ประธาน กสทช.มอบหมายให้ นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประธาน กสทช. ซึ่งไม่ถือว่าเป็นพนักงานสำนักงาน กสทช. ไปแทนตัวเอง และใช้งบประมาณสำนักงาน โดยไม่มีพนักงานสำนักงานไปด้วย ซึ่งไม่มีระเบียบรองรับแต่อย่างใด รวมทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ให้แนวทางในการแยกค่าใช้จ่ายการเดินทางไปต่างประเทศของกรรมการ กสทช.ทุกราย เพื่อให้จำกัดวงเงิน แต่ประธาน กสทช.ใช้อำนาจไม่ต้องแยกงบประมาณของตนเอง โดยให้ไปรวมอยู่ในงบประมาณของสำนักงาน
รายงานข่าวจากสำนักงาน กสทช. ยังได้เปิดเผยถึงการเดินทางไปภารกิจต่างประเทศของ กรรมการ กสทช. รายอื่นด้วย สรุปดังนี้ 1. นายต่อพงศ์ เสลานนท์ เดินทางไปต่างประเทศ 6 ครั้ง (59 วัน) โดยร่วมคณะกับประธาน กสทช. 4 ครั้ง และไปเอง 2 ครั้งในการเข้าร่วมประชุมที่ประเทศรวันดา และสหรัฐอเมริกา
2. พล.ต.อ. ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร เดินทาง 4 ครั้ง (35 วัน) โดยร่วมคณะกับประธาน กสทช. 2 ครั้ง และไปเอง 2 ครั้ง ในการเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศอังกฤษและเข้าร่วมประชุมดูงานที่สิงคโปร์
3. รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย เดินทาง 5 ครั้ง (24 วัน) โดยไปพบกับหน่วยงานกำกับดูแลและมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่นและมาเลเซีย และเข้าร่วมประชุมดูงานที่ประเทศสเปนและสิงคโปร์
4. ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต เดินทาง 5 ครั้ง (20 วัน) โดยได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศเกาหลีใต้, แคนาดา และมาเลเซีย และได้บรรยายในงานประชุมที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
5. พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ เดินทาง 3 ครั้ง (20 วัน) โดยได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศโปแลนด์, อังกฤษ และโปรตุเกส และไปร่วมประชุมดูงานที่ประเทศสเปน
และ 6. รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ เดินทาง 1 ครั้ง (2 วัน) โดยได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ประธาน กสทช.มักเดินทางไปต่างประเทศจนไม่ได้เข้าร่วมภารกิจสำคัญในประเทศ อาทิ ภารกิจเข้าเฝ้าฯรับเสด็จฯ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (28 ก.ค. 65 และ 28 ก.ค. 66) และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธ.ค. 65) รวมทั้งของวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี (3 มิ.ย. 66) ตลอดงานทำบุญ และการบันทึกเทปถวายพระพร ที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับวันสำคัญของสำนักงาน กสทช. เช่น วันสถาปนาสำนักงาน กสทช. (7 ต.ค. 65) หรืองานทำบุญวันปีใหม่ไทย (11 เม.ย. 65) เป็นต้น.