“โรม” เตรียมขน ส.ส.อภิปรายญัตติด่วน ทบทวนมติรัฐสภา 19 ก.ค.ย้ำ ทำเพื่อหลักการ ปัดหวังส่งชื่อ “พิธา” ซ้ำ บี้ “เพื่อไทย” ตอบให้ชัดแก้ รธน.เป็นแค่นโยบายหาเสียงหรือไม่ หวั่นโดนพรรค 2 ลุง ขี่คอขวางแก้ฉบับประชาชน “ก้าวไกล” ยันไม่แตะคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ชี้ ผ่านการตรวจสอบจากประชาชนแล้ว
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่า วันนี้มีการพูดคุยกัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ก็ยืนยันว่า จะไม่ให้มีการลงมติในเรื่องของญัตติทบทวนมติที่เราเคยมี โดยให้เหตุผล 2 ข้อ ข้อแรก คือ ในเรื่องของคำว่าเด็ดขาด ซึ่งมันอยู่ในข้อ 151 ที่ประธานสภาตีความว่าพอเด็ดขาดแบบนี้ มันก็จะเห็นเป็นอื่นไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราก็ได้ทักท้วงว่าเด็ดขาดที่ว่ามันไม่ได้หมายความว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว จะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปกัลปาวสานซึ่งมันไม่ใช่ สุดท้ายมันก็เป็นอำนาจของที่ประชุมที่จะมีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงในเมื่อเราเป็นคนที่ออกมติเราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเราพิจารณากันอย่างรอบคอบ มันก็มีคนทักท้วงกันเป็นจำนวนมาก ถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไป แล้วบอกว่าห้ามเปลี่ยนแปลง ตนคิดว่าสภาของเราอันตรายมาก เพราะว่าในการทำงานมันก็มีโอกาสที่จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่เราก็มีอำนาจในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อสอง มีความพยายามตีความซึ่งเข้าใจว่ามาจากทางฝ่ายกฎหมายของรัฐสภา คือ คิดไปไกลว่าการเสนอของเราแบบนี้จะนำไปสู่การเสนอ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรามีจุดประสงค์ลึกๆ เป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย แต่เป็นเรื่องของหลักการล้วนๆ เป็นเรื่องของกรณีที่เราต้องการให้สภามีอำนาจในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความผิดพลาด แต่ไม่เป็นไร สำหรับพรรคก้าวไกลเราก็คงยืนยันและมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าประธานรัฐสภาจะใช้อำนาจในการวินิจฉัยเพื่อไม่ให้มีการลงมติในเรื่องของญัตติที่จะให้มีการทบทวนมติ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะต้องไปพูดคุยกันในสภาต่อไป แต่วันนี้ประธานสภาได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็จะไม่ยอมให้มีการพิจารณา
เมื่อถามว่า จะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงถ้าเป็นญัตติที่ถูกต้องอยู่ในระเบียบวาระ มันก็ต้องมีการเดินหน้าในการพิจารณาและลงมติ แต่ว่าประธานสภาก็จะใช้อำนาจในการที่จะไม่ให้มีการลงมติ โดยอ้างในเรื่องของข้อกฎหมาย ทางเราก็ยืนยันว่าเราก็อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายเหมือนกัน จริงๆ ถ้าเกิดว่ามันเห็นไม่ตรงกันมันก็ต้องลงมติ แต่ว่าประธานสภาก็จะไม่เปิดโอกาสตรงนั้น อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวก็คงต้องพยายามพูดคุยกันในที่ประชุมต่อไป เมื่อถามย้ำว่า จะมีการแก้เกมอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็พยายามพูดคุยด้วยเหตุผล เราก็เตรียมผู้อภิปรายไว้ 2-3 คน ถ้าอธิบายด้วยเหตุผลไปแล้วยังมีกระบวนการในการใช้เสียงข้างมากของที่ประชุมที่จะทำให้เราไม่สามารถที่จะพิจารณาเรื่องนี้ได้เราก็ต้องคงต้องทำอย่างเต็มที่ แต่ถ้าได้แค่นั้นมันก็ต้องได้แค่นั้น
เมื่อถามถึงการแก้รัฐธรรมนูญ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า นโยบายหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ถ้าสมมติว่าเงื่อนไขของพรรครวมไทยสร้างชาติก็ดีหรือกรณีไหนก็ดี จะไม่นำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าจะต้องทำพรรคเพื่อไทยว่าตกลงจะเอาอย่างไร หรือจะเป็นหนึ่งในวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน ไม่ได้เป็นคำสัญญาก็ตอบให้ชัด แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกล เรายืนยันว่า เรามีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ ซึ่งเป็นฉบับที่ออกจาก คสช. ที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557 โดยในส่วนของ ส.ส.เรามีเพียงพอที่จะเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ว่าการจะแก้ไขให้สำเร็จก็ต้องอาศัยเสียงของส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของรัฐบาล ถ้าสูตรนี้สำเร็จ ไปจนถึง ส.ว. ซึ่งก็ต้องเป็นพูดคุยกันและเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือว่าไม่ว่าหากมีพรรค 2 ลุงร่วมกับพรรคเพื่อไทย จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปไม่ได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ตนเป็นกังวล เพราะว่าพรรคลุงเองเขาค่อนข้างชัดเจนในเรื่องของรัฐธรรมนูญว่าถ้าเป็นการแก้ไข ก็ไม่ใช่เป็นการแก้ไขที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน อย่างไรก็ตาม ต้องพยายามพูดคุยและหาทาง ถึงที่สุดพรรคเพื่อไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ต้องตอบคำถามว่าในเมื่อตัวเองก็มีนโยบายในเรื่องนี้แล้วไฉนถึงปล่อยให้พรรคการเมืองอื่นเป็นคนกำหนดพรรคเพื่อไทยว่าจะมีหรือไม่มีนโยบายอะไร แต่เวลานี้ก็ต้องให้โอกาสพรรคเพื่อไทยในการดำเนินการ เพราะเขาเองก็พูดหลายครั้ง เขาพูดกับเรา ตอนที่มาเตะเราออกเขาก็พูดกับเราชัดเจนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วก็จะยุบสภา การแถลงข่าวก็พูดลักษณะเดียวกัน ดังนั้นตนคิดว่าต้องให้โอกาสเขาในการดำเนินการ
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่า ไม่มีการอภิปรายเกี่ยวกับคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯ ใดๆ ทั้งสิ้น เรายืนยันว่า พรรคการเมืองได้รับเสียงจากประชาชน และประชาชนได้ตรวจสอบคุณสมบัติของทั้งพรรคการเมือง นโยบาย และแคนดิเดตนายกฯ มาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะพูดก็เป็นเรื่องของการยืนยันจุดยืนและหลักการเท่านั้น ส่วนวางตัวคนอภิปรายไว้หรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า เวลา 30 นาทีในการอภิปรายจะมีการจัดสรรกันอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการพูดคุยกันในวิป แต่ยังไม่ได้เป็นการสรุปว่าจะใช้เวลาถึง 30 นาทีหรือไม่ เราจะมีการเผื่อไว้ด้วยว่าในกรณีที่อาจจะมีการพาดพิงมาถึงพรรค ซึ่งหวังว่าจะไม่มีเพราะครั้งนี้ไม่ใช่แคนดิเดตจของพรรคก้าวไกล จึงหวังว่าจะไม่มีการพาดพิงหรือต่อว่าอะไรพรรคก้าวไกลแต่ก็เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน